ซามพ์โดเรีย รอดพ้นจากความปราชัยแรกของฤดูกาลคาถิ่น ลุยจิ แฟร์ราริส เมื่อไล่ตีเสมอ "กระทิงหิน" โตริโน 1-1 โดยทั้งสองทีมได้ประตูจากลูกจุดโทษในศึก กัลโช เซเรีย อา อิตาลี เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน 2555
ครึ่งแรก ซามพ์โดเรีย บุกได้น้ำได้เนื้อกว่านาที 18 เกือบขึ้นนำเมื่อ คามิล กลิค กองหลัง โตริโน รับบอลคืนหลังกลับตัวเสียหลักถูก มักซี โลเปซ วิ่งแซงพาบอลเข้าไปยิงแต่ตรงตัว ฌอง ฟรองซัวส์ จิลเล็ต ที่ออกมาปิดมุมเร็ว จากนั้นเจ้าถิ่นมีลุ้นอีกครั้ง เอ็นโซ มาเรสกา ปั่นฟรีคิกแต่ก็ไปชนคาน
นาทีสุดท้ายของครึ่งแรกเป็น มาเรสกา ที่เล่นได้โดดเด่นครองบอลม้วนหาจังหวะเปิดจากซ้ายเข้ากลางจนได้ให้ เนนาด คริสติซิช วิ่งเข้ามาแปตามน้ำอย่างพอเหมาะพอเจาะแต่ก็ตรงตัว ฌอง ฟรองซัวส์ จิลเล็ต ทุบเอาไว้ได้ ครบ 45 นาทีแรกทั้งสองทีมจึงยังเสมอกันอยู่ 0-0
ผ่านไปครึ่งชั่วโมงทั้งสองทีมเล่นแบบรัดกุมมากโดยเฉพาะ โตริโน ทว่านาที 69 ทีมเยือนกลับมาได้จุดโทษจังหวะ อเลสซิโอ แชร์ชี เลื้อยเข้าเขตโทษด้านขวาก่อนถูก โรแบร์โต โซเรียโน วิ่งเข้ามาชนล้มคว่ำและเป็น โรลันโด เบียงคี สังหารเสยเพดานตาข่ายกลางประตูไม่พลาดนำ 1-0
ท้ายเกมนาที 84 ซามพ์โดเรีย มาได้จุดโทษคืน กลิค ไปทำฟาวล์ ซิตาดิน อีเดอร์ และเป็นตัวสำรองอย่าง นิโกลา ปอสซี รับหน้าที่มือปืนแม้ยิงไม่ค่อยดีแต่ยังมีดวงบอลลอดใต้ท้องแขน ฌอง ฟรองซัวส์ จิลเล็ต เข้าไปตีเสมอเป็น 1-1 ก่อนจะจบเกมไปด้วยสกอร์นี้
ครึ่งแรก ซามพ์โดเรีย บุกได้น้ำได้เนื้อกว่านาที 18 เกือบขึ้นนำเมื่อ คามิล กลิค กองหลัง โตริโน รับบอลคืนหลังกลับตัวเสียหลักถูก มักซี โลเปซ วิ่งแซงพาบอลเข้าไปยิงแต่ตรงตัว ฌอง ฟรองซัวส์ จิลเล็ต ที่ออกมาปิดมุมเร็ว จากนั้นเจ้าถิ่นมีลุ้นอีกครั้ง เอ็นโซ มาเรสกา ปั่นฟรีคิกแต่ก็ไปชนคาน
นาทีสุดท้ายของครึ่งแรกเป็น มาเรสกา ที่เล่นได้โดดเด่นครองบอลม้วนหาจังหวะเปิดจากซ้ายเข้ากลางจนได้ให้ เนนาด คริสติซิช วิ่งเข้ามาแปตามน้ำอย่างพอเหมาะพอเจาะแต่ก็ตรงตัว ฌอง ฟรองซัวส์ จิลเล็ต ทุบเอาไว้ได้ ครบ 45 นาทีแรกทั้งสองทีมจึงยังเสมอกันอยู่ 0-0
ผ่านไปครึ่งชั่วโมงทั้งสองทีมเล่นแบบรัดกุมมากโดยเฉพาะ โตริโน ทว่านาที 69 ทีมเยือนกลับมาได้จุดโทษจังหวะ อเลสซิโอ แชร์ชี เลื้อยเข้าเขตโทษด้านขวาก่อนถูก โรแบร์โต โซเรียโน วิ่งเข้ามาชนล้มคว่ำและเป็น โรลันโด เบียงคี สังหารเสยเพดานตาข่ายกลางประตูไม่พลาดนำ 1-0
ท้ายเกมนาที 84 ซามพ์โดเรีย มาได้จุดโทษคืน กลิค ไปทำฟาวล์ ซิตาดิน อีเดอร์ และเป็นตัวสำรองอย่าง นิโกลา ปอสซี รับหน้าที่มือปืนแม้ยิงไม่ค่อยดีแต่ยังมีดวงบอลลอดใต้ท้องแขน ฌอง ฟรองซัวส์ จิลเล็ต เข้าไปตีเสมอเป็น 1-1 ก่อนจะจบเกมไปด้วยสกอร์นี้