นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เผยรอความชัดเจนจาก นาย กนกพันธุ์ จุลเกษม ผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย ที่เตรียมบินถก เบอร์นี เอ็คเคิลสโตน ผู้ดูแลสิทธิ์ประโยชน์ของฟอร์มูลา วัน ที่สิงคโปร์ ถึงการยื่นขอจัดเอฟวันที่เมืองไทยในอีก 2 ปี ข้างหน้า ช่วงสุดสัปดาห์นี้ พร้อมมั่นใจว่าหากไทยได้เป็นเจ้าภาพจะต้องประสบความสำเร็จไม่แพ้แดนลอดช่องอย่างแน่นอน
ภายหลังที่ นายชุมพล ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มอบหมายให้ นาย กนกพันธุ์ จุลเกษม ผู้ว่ากกท. เดินหน้าเจรจากับ เบอร์นี เอ็คเคิลสโตน ซีอีโอของเอฟวัน วัย 81 ปี ถึงการจัดการแข่งขันรถสูตรหนึ่งในเมืองไทย โดย "บิ๊กหนุ่ม" และทีมงานจะมีคิวบินไปชมการแข่งขันเอฟวันสนามที่ 14 ของฤดูกาล "สิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์" และเตรียมนัดถกกับ เบอร์นี ถึงรายละเอียดและค่าเซ็นสัญญาส่วนสุดท้าย วันที่ 23 ก.ย. นี้
ล่าสุด นาย วัชระ กรรณิการ์ โฆษกกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยความคืบหน้าถึงการจัดเอฟวันในเมืองไทยว่า เวลานี้ทางเอฟวัน มีความตั้งใจที่จะบรรจุเมืองไทย เข้าไปอยู่ในปฏิทินการแข่งขันปี 2014 เป็นที่แน่นอนแล้ว หลังทราบจาก "บิ๊กหนุ่ม" ว่า เบอร์นี มีความสนใจอย่างยิ่งที่จะจัดเอฟวันในไทย เพียงแต่ยังเหลือในเรื่องของค่าใช้จ่ายการเซ็นสัญญา กับเรื่องของสถานที่เท่านั้น
โดยนาย วัชระ กล่าวว่า "ตอนนี้ ท่านชุมพล มอบหมายให้เรารีบดำเนินการเจรจาเสร็จสิ้นภายในสุดสัปดาห์นี้ ซึ่งเรื่องสำคัญที่ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ คือจำนวนตัวเลขที่ใช้เซ็นสัญญาจัดการแข่งขัน แต่ทั้งนี้ไทยพร้อมจ่ายที่ตัวเลข 1 พันล้านบาทต่อปี เทียบเท่าสิงคโปร์ ส่วนเรื่องของสนามยังคงมองที่ เชียงใหม่, ชลบุรี หรือ ถ.ราชดำเนิน ในกรุงเทพฯ เหมือนเดิม โดยหากเราได้ไฟเขียวให้สามารถจัดการแข่งขัน ก็จะได้ดำเนินการหาสนามแข่งต่อไป"
"ทั้งนี้ ผมมองว่าหากการเจรจาดำเนินไปได้ด้วยดี ไทยก็น่าจะรับการบรรจุในปฏิทินของเอฟวัน ในปี 2557 นี้ คาดว่าน่าจะเซ็นกันจำนวน 3 ปี ซึ่งผมมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าหากไทยได้เป็นเจ้าภาพ ก็จะถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของทางกระทรวงและผู้เกี่ยวข้องทุกคน เพราะถือเป็นกิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น"
เมื่อถามว่าไทยจะได้ประโยชน์จากการจัดเอฟวันครั้งนี้ และประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด นายวัชระ ยกตัวอย่างการแข่งขัน "สิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์" ขึ้นมาเป็นกรณีศึกษาว่า "ก่อนที่สิงคโปร์จะได้เป็นเจ้าภาพเอฟวัน คุณเฉลิม อยู่วิทยา ประธานบริษัท เรดบูล คอมปานี ลิมิเต็ด ได้ให้ข้อมูลกับเราว่า ประชาชนในประเทศต่างไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ แต่เมื่อถึงเวลาจัดก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี"
"โดยประโยชน์ที่สิงค์โปร์ได้รับนอกจากรายได้ค่าบัตรเข้าชมแล้ว ยังช่วยเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างแดนให้เดินทางเข้าประเทศอีกด้วย ซึ่งจะมาจากการโหมข่าวประชาสัมพันธ์ถึงกิจกรรมร่วมสนุกต่างๆ ก่อนถึงวันแข่งจริง ซึ่งผมเชื่อมั่นว่าไทยจะต้องประสบความสำเร็จไม่แพ้ สิงค์โปร์ แน่นอน ส่วนเรื่องค่าบัตรเข้าชม อาจมีราคาถูกกว่าประเทศอื่น เนื่องจากรับทราบว่าค่าใช้จ่ายในการเซ็นสัญญานี้ไม่สูงมากนัก" โฆษกประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ทิ้งท้าย
