xs
xsm
sm
md
lg

"วันวานยังหวานอยู่" คืนสู่เหย้า 5 ยักษ์ยุโรป

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยูเวนตุส กลับมาแบบน่าจับตามองที่สุด
ASTVผู้จัดการรายวัน-หากจะให้นึกชื่อสโมสรบรรดาเต็งหามทั้งหลายที่จะคว้าแชมป์ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาล 2012-13 คงจะไม่ใช่เรื่องยากนัก สำหรับรอบแบ่งกลุ่มที่กำลังจะประเดิมโม่แข้งระหว่างวันที่ 18-19 กันยายนนี้ แต่อีกหนึ่งในไฮไลท์ของปีนี้ที่น่าสนใจก็คือการกลับมาของยักษ์ใหญ่ที่เคยเขย่าเวทีนี้มาแล้วทั้งในอดีตไม่ว่าจะเป็น แชมป์ หรือที่เคยเป็นขาประจำ ซึ่งหลายทีมน่ามาเป็นตัวแปรได้ไม่มากก็น้อยสำหรับการเข้ารอบน็อกเอาท์จากทั้งหมด 8 กลุ่ม

ยูเวนตุส (อิตาลี) - อดีตแชมป์ 2 สมัยฤดูกาล 1984-85 กับ 1995-96 รวมถึงรองแชมป์อีก 5 สมัย โดยเฉพาะช่วงปลายทศวรรษ 90 เชื่อมต่อต้นทศวรรษ 2000 ถือว่ายิ่งใหญ่มาก กลับมาคราวนี้หลังหายไป 2 ปีพกดีกรีแชมป์ กัลโช เซเรีย อา อิตาลี แบบไร้พ่าย ถือว่าทัพ "เบียงโคเนรี" ลืมตาอ้าปากอีกครั้ง หลังถูกปรับตกชั้นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรอบ 114 ปีเพราะพัวพันการล็อคผลการแข่งขัน นักเตะที่เหลือรอดมีเพียง จานลุยจิ บุฟฟอน ผู้รักษาประตูมือ 1 ทีมชาติอิตาลี แม้จะเปลี่ยนโฉมหน้าไปมาก แต่แข้งที่เข้ามาเสริมก็ระดับเวิลด์คลาสทั้ง อันเดรีย ปิร์โล จอมทัพที่ย้ายมาจาก เอซี มิลาน เหมือนเกิดใหม่อีกครั้งเล่นได้โดดเด่นศึก ยูโร 2012 พา "อัซซูรี" ทะลุเข้าถึงนัดชิง แนวรับก็แข็งโป๊กปีที่แล้วเสียในลีกแค่ 20 ประตูโดยบัญชาหลังบ้านโดย จอร์โจ คิเอลลินี และ สเตฟาน ลิชต์สไตเนอร์ แถมปีนี้ยังได้ความเก๋าของ ลูซิโอ เข้ามาบวกอีก แต่ต้องให้ผู้ช่วย มัสซิโม คาร์เรรา คุมขัดตาทัพไปก่อน เพราะ อันโตนิโอ คอนเต ติดโทษแบนยาว

กลาสโกว์ เซลติก (สกอตแลนด์) - แชมป์เมื่อปี 1967 ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น "Annus mirabilis" ภาษาละตินแปลว่า "วันเดอร์ฟูล เยียร์" ด้วยผลงานกวาดทุกแชมป์ที่ลงทำการแข่งขันไม่ว่าจะเป็น สกอตติช ลีก, สกอตติช คัพ, สกอตติช ลีก คัพ, กลาสโกว์ คัพ และ ยูโรเปียน คัพ รวม 5 แชมป์ ภายใต้การคุมทัพของกุนซือ จ็อค สตีน โดยเฉพาะนัดชิงถ้วยยุโรปที่เอาชนะ อินเตอร์ มิลาน 2-1 คืนเวที แชมเปียนส์ ลีก หนนี้ถือเป็นครั้งแรกรอบ 4 ปี แต่กว่าจะผ่านด่านเข้ามาได้ก็ต้องเพลย์ออฟถึง 2 รอบ ภายใต้การคุมทัพของ นีล เลนนอน สามารถคว้าแชมป์ สกอตติช พรีเมียร์ ได้สำเร็จเมื่อปี 2012 ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ถือเป็นขาประจำมาโดยตลอด ปีสุดท้ายต้องย้อนไป 2008-09 ผลงานก็ไม่สู้ดีอมบ๊วยของกลุ่ม ครั้งนี้ก็ยังต้องลุ้นหนักอีกเช่นเคยกับการร่วมก๊วน จี ที่มี บาร์เซโลนา, เบนฟิกา และ สปาร์ตัก มอสโก

กาลาตาซาราย (ตุรกี) - ฤดูกาลสุดท้ายที่เล่น แชมเปียนส์ ลีก คือ 2006-07 แม้ชื่อนี้จะไม่อยู่ในพงศาวดารแชมป์ แต่ผลงานก็ไม่ขี้ริ้วขี้เหร่เข้าถึงรอบรองชนะเลิศฤดูกาล 1988-89 และรอบ 8 ทีมสุดท้ายอีก 4 ครั้ง โดยเฉพาะสนาม ตุรกี ขึ้นชื่ออยู่แล้วว่าเป็นสังเวียนนรกของวงการลูกหนังใครมาเยือนมีอันต้องประหวั่นพรั่นพรึงจากบรรดาแฟนบอลขาโหดของเจ้าถิ่น งานนี้ต้องลุ้นว่าเพื่อนร่วมกลุ่ม เอช อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, บรากา และ ซีเอฟอาร์ คลูจ จะขาสั่นหรือไม่ ฟาติห์ เตริม พาทีมกลับมาผงาดคว้าแชมป์ลีกครั้งโดยถือเป็นครั้งแรกต่อจากฤดูกาล 1999-00 เลยทีเดียว แกนหลักของทีมกลับกลายเป็น อูมุต บูลุต กองหน้าที่ยืมมาจาก ตูลูส ซัดไป 6 ประตูจาก 4 เกมแล้ว รวมถึง เฟลิเป เมโล, มิลาน บารอส, โยฮัน เอลมานเดอร์, ฮามิต อัลตินท็อป, เอ็มมานูเอล เอบูเอ, โทมัส อูฟาลูซี และ นอร์ดิน อัมราบัต ดูจากรายชื่อแล้วประสบการณ์ถือว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

อาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม (เนเธอร์แลนด์ส) - อดีตแชมป์ 4 สมัยโดยเฉพาะปี 1995 ที่นัดชิงชนะเลิศสามารถล้ม เอซี มิลาน 1-0 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของยุคนักเตะดัตช์ที่ต่างแยกตัวไปกอบโกยความสำเร็จบนทวีปยุโรปไม่ว่าจะเป็น พี่น้อง เดอ บัวร์, เอ็ดการ์ ดาวิดส์, คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ, เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์, มาร์ค โอเวอร์มาส์ และ แพทริค ไคลเวิร์ต โดยทีมนี้ห่างหายจากแชมป์ เอเรดิวิซี ลีก ถึง 6 ฤดูกาลก่อนจะกลับมาอีกครั้งภายใต้การคุมทัพของ แฟรงค์ เดอ บัวร์ ฤดูกาลที่แล้วไม่สามารถผ่านรอบแบ่งกลุ่ม ส่วนปีนี้เคราะห์ซ้ำกรรมซัดอยู่ "กรุ๊ป ออฟ เดธ" กลุ่ม ดี ร่วมกับ รีล มาดริด, แมนเชสเตอร์ ซิตี และ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ต้องดูว่าปีนี้จะทำได้ดีแค่ไหน แต่ถือเป็นงานหนักอึ้งกับแข้งประสบการณ์น้อยนิดอย่าง คริสเตียน อิริคเซน, ไรอัน บาเบล, มิราเลม ซูเลจมานี และ เซียม เดอ ยอง

โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (เยอรมนี) - ฤดูกาลที่แล้ว ดอร์ทมุนด์ แชมป์เมื่อปี 1996-97 กลับมาอวดโฉมศึกยุโรปอีกครั้งด้วยตำแหน่งถาดแชมป์ บุนเดสลีกา เยอรมนี หลังกลายเป็นยักษ์หลับด้วยปัญหาหนี้สิน ผลงานไม่ดีนักจบบ๊วยของกลุ่มมีเพียง 4 แต้ม แต่ เจอร์เกน คล็อปป์ ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า "เสือเหลือง" เลือดใหม่ไม่ธรรมดาสามารถป้องกันแชมป์ลีกและได้กลับมาแก้ตัวฤดูกาลนี้ อีกครั้ง แม้นักเตะอย่าง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี, มาริโอ เกิตเซ และ ยาคุบ บลาซีคอฟสกี 3 แกนหลักจะมีประสบการณ์มากขึ้น แต่ "กรุ๊ป ออฟ เดธ" ที่ต้องเผชิญถือเป็นโชคร้ายอีกครั้งก็ต้องพึ่งบรรดาแนวรับอย่าง มัตส์ ฮุมเมลส์ และ เนเวน ซูโบติช ว่าจะต้านทานแนวรุกของ รีล มาดริด และ แมนเชสเตอร์ ซิตี อยู่หรือไม่
จอร์จอส ซามาราส ดาวเด่น เซลติก
กาลาตาซาราย แข้งประสบการณ์เพียบ
อาแจ๊กซ์ฯ เลือดใหม่
มาร์โก รอยส์ แนวรุก ดอร์ทมุนด์
กำลังโหลดความคิดเห็น