แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือ สโมสรตัวตั้งตัวตีที่ต้องการให้นำกฎควบคุมด้านการเงินมาใช้บนเวที พรีเมียร์ ลีก ส่วนหนึ่งเพื่อเป็นการสกัดกั้น แมนเชสเตอร์ ซิตี แต่แน่นอนว่า น่าจะมีหลายทีมเห็นดีเห็นงามด้วย จากการตีข่าวของ “เดลี เมล” (DAILY MAIL) สื่อดังประจำเกาะอังกฤษ
แมนฯยู ได้ยื่นข้อเสนอที่ผุดขึ้นมาตั้งแต่เดือนมิถุนายนปี 2012 และจะถูกนำเข้าที่ประชุมของ พรีเมียร์ ลีก เพื่อหารือวันพฤหัสบดีที่ 6 กันยายนนี้ หลังจาก สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟา) ได้นำกฎควบคุมรายจ่ายเข้ามาใช้และเหมือนจะได้ผลเนื่องจากยอดเสริมทัพช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมามีตัวเลขลดลง ไม่เช่นนั้นถ้ามีรายจ่ายมากกว่ารายรับก็จะถูกตัดสิทธิ์จากการแข่งขันฟุตบอลถ้วยไม่ว่าจะเป็น ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก หรือ ยูโรปา ลีก
เดวิด กิลล์ ซีอีโอประจำถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด เผยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่า “ทุกสโมสรพอใจกฎควบคุมรายจ่ายที่ถูกทำเข้ามาใช้ตอนนี้ แต่บางทีมอาจจะไม่ เรามีกฎระเบียบเกี่ยวกับการแข่งขันทั้งใน พรีเมียร์ชิป และ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ดังนั้นเราทุกทีมจำเป็นต้องปฎิบัติตาม”
ส่วน เดฟ วีแลน ประธานสโมสร วีแกน แอธเลติก คือ รายแรกที่ออกมายกมือเห็นด้วย “แมนฯยู เป็นคนหยิบยื่นไอเดียนี้ ผมคิดว่า ซิตี จะต้องมองว่าเป็นการเขย่าบัลลังก์แชมป์เล็กน้อย ทว่าผมก็คิดว่าควรจะต้องควบคุมการใช้งิน บางทีมใช้มากกว่าที่สามารถหาได้และเกิดปัญหาอย่างเช่นที่ผ่านมาก็ ปอร์ทสมัธ ดังนั้นต้องทำบางสิ่งให้ลุล่วงและเราจะสนับสนุนมาตรการเหล่านี้แน่นอน”
แน่นอนว่า กฎนี้ แมนฯยูไนเต็ด และ อาร์เซนอล น่าจะเห็นด้วย แต่ถือเป็นข่าวร้ายของ แมนฯซิตี สโมสรเงินถุงเงินถังแชมป์ พรีเมียร์ชิป เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งมีตัวเลขขาดทุนมหาศาลสูงที่สุดเป็นสถิติใหม่ 197 ล้านปอนด์ (ประมาณ 9,850 ล้านบาท) ฤดูกาล 2010-11 ขณะที่ เชลซี และ ลิเวอร์พูล ขาดทุน 68 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3,400 ล้านบาท) และ 49 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,450 ล้านบาท) ตามลำดับ