นาย สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฏร เป็นประธานมอบโล่เชิดชูเกียรติคุณให้แก่ แก้ว พงษ์ประยูร, พิมศิริ ศิริแก้ว และ ชนาธิป ซ้อนขำ 3 นักกีฬาไทยผู้คว้าเหรียญรางวัลการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา
เมื่อเวลา 14.10น. ของวันพุธที่ 22 สิงหาคม ที่ผ่านมา ณ ห้องโถงชั้นล่าว อาคารรัฐสภา ๑ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ได้จัดพิธีมอบโล่เชิดชูเกียรติคุณให้แก่นักกีฬาไทยที่คว้าเหรียญรางวัล “ลอนดอนเกมส์” ทั้ง 3 เหรียญ และสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศเมื่อเดือนที่ผ่านมา ประกอบด้วย แก้ว พงษ์ประยูร (มวย-เหรียญเงิน), พิมศิริ ศิริแก้ว (ยกน้ำหนัก-เหรียญเงิน)และ ชนาธิป ซ้อนขำ (เทควันโด-เหรียญทองแดง) โดยนอกจากนี้ยังมี “เสธ.อ้าย” พลเอก บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ รักษาการนายกสมาคมมวยสากลสมัครเล่นแห่งประเทศไทยและทีมงาน, นายพิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมเทควันโดแห่งประเทศไทย และนักกีฬาพร้อมทีมงานของสมาคมยกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย เข้าร่วมงานนี้ด้วย
โดยภายในงาน นายสมศักดิ์ ได้กล่าวชื่นชมคณะนักกีฬาทุกคนที่ช่วยกันสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ระหว่างวันที่ 24 กรกฏาคม ถึง 12 สิงหาคม ที่ผ่านมา พร้อมอวยพรให้คณะนักกีฬาทุกคนประสบความสำเร็จคว้าชัยกลับมาในโอลิมปิก 2016 ที่กรุงริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล โดยนอกจากมีการมอบโล่ให้นักกีฬาแล้ว ยังได้มอบเงินรางวัลให้แก่ แก้ว, พิมศิริ และ ชนาธิป เป็นจำนวนเงิน 1 ล้านบาท ประกอบด้วย เหรียญเงิน 4 แสนบาท และ เหรียญทองแดง 2 แสนบาท ด้วยกัน
ซึ่งหลังเสร็จสิ้นพิธีการ แก้ว ก็ได้เป็นตัวแทนกล่าวขอบคุณผู้สนับสนุนทุกภาคส่วนที่ช่วยให้การดูแลและสนับสนุนนักกีฬาที่ลงแข่งโอลิมปิกมาโดยตลอด พร้อมขอบคุณแฟนกีฬาชาวไทยที่ร่วมส่งกำลังใจให้กับพวกตนในการแข่งขัน เพราะหากขาดสิ่งนี้ไป พวกตนคงไม่มีวันก้าวขึ้นมาประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน ซึ่งหลังเสร็จสิ้นพิธีการ นักกีฬาและทีมงานทั้งหมด ก็ได้ร่วมถ่ายภาพกับเจ้าหน้าที่ประจำรัฐสภาแบบเป็นกันเอง
ขณะที่ “น้องแต้ว” พิมศิริ ก็ได้เป็นตัวแทนยื่นหนังสือร้องเรียนจากทางสมาคม ให้กับนายสุรเกียรติ์ เพื่อขอให้ทางรัฐสภา ช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆที่มีผลต่อการเตรียมทีมยกน้ำหนักของไทยในโอลิมปิก 3 เรื่อง อาทิ 1.การรับเงินรางวัลจากกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ ที่ในอดีตไม่ว่าจะได้เหรียญรางวัลมากี่เหรียญ ก็จะได้เงินตามจำนวนนั้น แต่หลังเกิดการรัฐประหาร เมื่อเดือนกันยายน 2549 ทำให้ นาย ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ผู้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ แก้กฏใหม่ให้รับเงินรางวัลจากเหรียญที่ได้มาทั้งหมดเพียงเหรียญเดียวเท่านั้น ถือเป็นสิ่งที่บั่นทอนกำลังใจการฝึกซ้อมของนักกีฬาเป็นอย่างมาก
2. เรื่องศูนย์ฝึกและที่พักของนักกีฬาที่เชียงใหม่ ซึ่งแม้ทางสมาคมได้ดำเนินการสร้างจนแล้วเสร็จพร้อมใช้งานเมื่อวันที่ 9 ก.ค. 2553 แต่ปัจจุบันยังไม่ได้เงินสนับสนุนค่าก่อส้างจากการกีฬาแห่งประเทศไทย และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ทำให้ทางสมาคมมีบัญชีติดลบและมีปัญหาต่อการจัดหางบประมาณในการเตรียมทีม และข้อ 3. การที่กกท. ไม่ให้ความรับผิดชอบในเรื่องการจ่ายค่าปรับกับทางสหพันธ์ยกน้ำหนักนานาชาติ หลังนักกีฬาตรวจพบสารกระตุ้นที่แล็บในเยอรมนี ทั้งที่ก่อนหน้านี้นักกีฬาเข้าตรวจสารกระตุ้นกับทาง กกท. กลับไม่มีปัญหา ซึ่งถือเป็นการแสดงให้เห็นว่าแล็บของไทยนั้นขาดมาตรฐานทำให้ทางสมาคมต้องจ่ายเงินค่าปรับในส่วนนี้ทั้งที่ไม่มีความผิดใดๆเลย ซึ้งหลังจากนั้น นายสุรเกียรติ์ ก็ได้รับเรื่องร้องเรียนจากสมาคมยกเหล็ก พร้อมรับปากจะดูแลในส่วนนี้ให้อย่างเร็วที่สุด