หลังจากข้อความที่ ม.ล.จักรีพันธ์ ส่งถึง "ตีโต้" ศุภนร ศุขสวัสดิ ณ อยุธยา ผู้เป็นบุตรชายก่อนที่จะลงทำการแข่งขันกระโดดไกลในลอนดอนเกมส์ ผ่านทางเฟซบุ๊ก ว่า “ปัญหาทุกอย่าง พ่อ และแม่ จะเคลียร์ให้ในเช้าวันนี้ โต้ และ พี่สังข์(สังวร ทวีเฉลิมดิษฐ์) ต้องยืนอยู่บนเท้า บนแข้ง บนขา ของโต้และพี่สังข์เอง อะไรที่จำเป็นต้องเสีย ก็ต้องเสีย ในภาวะและสถานะการณ์ขณะนี้ อย่าไปหวังพึ่งสมาคมฯ หรือ เจ้าหน้าที่ กกท. จงเอาสิ่งที่เลวร้ายที่มันทำกับลูก และพี่สังข์ ในวันนี้ ให้กลายเป็นพลังให้ ลูกและพี่สังข์ ต่อสู้ฟันฝ่า จนประสบความสำเร็จ" ได้กลายเป็นประเด็นที่ผู้สื่อข่าวซึ่งตามผลงานของนักกีฬาไทยได้ติดตามกันต่อนั้นมีที่มาว่า ติโต้ และ โค้ช สังวร ทวีเฉลิมดิษฐ์ ไม่ได้รับความสะดวกในการเดินทางมาร่วมการแข่งขันโอลิมปิก 2012
รายงานข่าวระบุว่า โค้ชสังวร ซึ่งเดินทางมาถึงกรุงลอนดอนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยอยู่ในสถานะของเจ้าหน้าที่แบบ "non accredited" ซึ่งไม่สามารถเข้าหมู่บ้านนักกีฬาได้ แต่สามารถเข้าสนามซ้อมได้ เมื่อมาถึงทางโค้ชสังวร ได้ติดต่อเจ้าหน้าที่ กกท. เพื่อจะขอพบกับติโต้ แต่ด้วยสถานะดังกล่าวทำให้ โค้ชสังวร ต้องรอ นักกระโดดไกลไทย อยู่ใน "ศูนย์สรรพสินค้า เวสต์ฟีล" ซึ่งอยู่ใกล้กับโอลิมปิก พาร์ค ซึ่งการนัดหมายระหว่างเจ้าหน้าที่ กกท. ติโต้ และ โค้ชสังวร นั้นมีการประสานงานผิดพลาดและทำให้ โค้ช และ นักกีฬาต้องคลาดกันไปมากว่าจะได้พบกัน และเดินทางไปโรงแรมด้วยเงินส่วนตัว ทำให้ "ติโต้" ไม่ได้ซ้อมไปหนึ่งวันแถมยังต้องเสียค่าแท็กซี่ จากย่านโอลิมปิกพาร์ค ไปยังโรงแรมคิดเป็นเงินไทยกว่าสองพันบาท
ล่าสุดหลังจบการแข่งขันกระโดดไกล เวลาประมาณ 21.00 น. ของวันศุกร์ที่ 3 สิงหาคม (ตามเวลาท้องถิ่น ประมาณ 04.00 น.ของวันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม ตามเวลาในเมืองไทย) ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ของโอลิมปิกไทยที่ช่วยประสานในการเดินทางมาของโค้ชสังวร กับปัญหาที่เกิดขึ้นจึงได้รับทราบรายละเอียดว่า "ในส่วนของกกท. ทางโอลิมปิกไทยไม่สามารถตอบได้ แต่ในฐานะที่ โอลิมปิกไทยต้องประสานงานต่อจากกกท. สามารถให้รายละเอียดได้ว่า ตามระเบียบของโอลิมปิกสากล ที่ทางโอลิมปิกไทยต้องประสานนั้นจะให้โควต้าผู้ฝึกสอนตามเปอร์เซนต์ของนักกีฬาในกรณีของกรีฑานั้น มีนักกีฬาได้สิทธิเข้าร่วมการแข่งขันสองคน ดังนั้นโควต้าของผู้ฝึกสอนจะมีได้หนึ่งคน เหมือนกับสมาคมว่ายน้ำที่ได้สิทธิเข้าร่วมโอลิมปิกสองคนก็จะมีผู้ฝึกสอนได้หนึ่งคน แต่ทั้งเงือกอุ้ม และ เจมส์บอนด์ นั้นต่างก็มีโค้ชของตนเองซึ่งท้ายที่สุดทางนักว่ายน้ำทั้งสองคนก็ตกลงใช้โค้ชกลาง ส่วนทางกรีฑานั้นเมื่อทางผู้ว่ากกท.มองว่าน่าจะให้โค้ชของ "ติโต้" ได้มาด้วยทาง โอลิมปิกไทยก็ช่วยประสานอย่างเต็มที่ โดยทำบัตรแบบ Non - Accredited ให้กับโค้ช ซึ่งสามารถเข้าสนามซ้อมได้ และ ซื้อบัตรเข้าชมการแข่งขันโดยอยู่ในโควต้าของ "ติโต้"ให้ โดยทั้งหมดนี้เป็นการจัดการที่ค่อนข้างฉุกละหุก เพราะบัตรแบบ Non-Accredited นั้นต้องมีการแจ้งความจำนงไว้ตั้งแต่ก่อนเดินทาง แต่ในกรณีของโค้ชสังวร เรียกได้ว่าเป็นกรณีพิเศษซึ่งทางโอลิมปิกไทยได้ประสานให้อย่างเต็มที่"
ทั้งนี้แหล่งข่าวในโอลิมปิกไทยยังเผยต่อว่า "ปัญหาที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นเรื่องของการประสานงานกันมากกว่า ซึ่งท้ายที่สุดแล้วเมื่อมีการจัดการทุกอย่างจนเรียบร้อย โค้ชสังวร ยังได้ขอบคุณโอลิมปิกไทยที่ได้ช่วยประสานทุกอย่างให้" นอกจากนี้แหล่งข่าวรายเดิมยังเผยด้วยว่า "ระเบียบในการให้โควต้าเจ้าหน้าที่ นักกีฬา หรือ ผู้สื่อข่าว นั้นเป็นเรื่องที่ทางโอลิมปิกสากลจะพิจารณาตามจำนวนนักกีฬา ของแต่ละประเทศ ว่าได้เข้าร่วมเป็นจำนวนเท่าไรทางโอลิมปิกไทยไม่ได้ตั้งกติกาเอง" ซึ่งแหล่งข่าวรายดังกล่าวยังทิ้งท้ายว่า อยากให้แฟนกีฬาได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้องที่สำคัญที่สุดคือทุกคนต่างทำงานกันอย่างเต็มที่เพื่อให้นักกีฬา เจ้าหน้าที่ และ ผู้สื่อข่าวสามารถทำหน้าที่ของตนเองโดยมีปัญหามากระทบให้น้อยที่สุด