"อีเอสพีเอ็น" (ESPN) ผู้ได้รับลิขสิทธิ์ถ่ายทอดลอนดอนเกมส์ 2012 ที่ประเทศอังกฤษ ระหว่างวันที่ 27 กรกฎาคม ถึง 12 สิงหาคม จัดทำรายการ "Living the Dream" ซึ่งเกี่ยวกับสารคดีของเหล่านักกีฬาที่เตรียมเข้าร่วมมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติครั้งที่ 30 โดยสื่อยักษ์ใหญ่ของโลกตามติดชีวิตนักกีฬาไทย ประกอบด้วย เป็นเอก การะเกตุ เจ้าของแชมป์เทควันโดและอันดับหนึ่งในรุ่น 58 กิโลกรัม รัชนก อินทนนท์ นักกีฬาแบดมินตันหญิง ประภาวดี เจริญรัตนธารากูล วีรสตรีเจ้าของเหรียญทองกีฬายกน้ำหนักจากโอลิมปิกครั้งที่ผ่านมา แก้ว พงษ์ประยูร นักมวยสากล สมัครเล่นทีมชาติไทย รวมทั้ง วิภาดา ศิริมงคล และ พนิดา คำศรี นักยกลูกเหล็ก ทั้งนี้ทีมข่าว MGR Sport ขอนำเอาบทสัมภาษณ์ของ "น้องเมย์" รัชนก นักตบลูกขนไก่ดาวรุ่งที่ให้สัมภาษณ์ไว้และออกอากาศไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2555 มาเปิดเผยดังบรรทัดต่อจากนี้
ย่านชานเมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานคร เป็นที่ตั้งของโรงงานทำขนมบ้านทองหยอด (ขนมหวานขึ้นชื่อของประเทศไทยทำจากไข่) นอกจากสถานที่แห่งนี้จะเป็นแหล่งทำขนมที่มีชื่อเสียงโด่งดังของประเทศไทยแล้ว ยังเป็นสถานที่ที่ให้กำเนิด แชมป์แบดมินตันเยาวชน 3 สมัย อีกด้วย
รัชนก อินทนนท์ คว้าแชมป์การแข่งขันแบดมินตันเยาวชนโลก 3 ปีติดต่อกัน นับตั้งแต่เธออายุ 14 ปี และปัจจุบันนี้กำลังจะเผชิญหน้ากับนักตบลูกขนไก่ระดับโลกมากมายในการแข่งขันกีฬา โอลิมปิก ที่กรุงลอนดอน ซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้ อาจไม่เกิดขึ้นกับเธอ หากว่า "น้องเมย์" ไม่ได้เกิดที่โรงงานที่มีชื่อเสียง
น้องเมย์ กล่าวว่า "ฉันเริ่มเล่นกีฬาแบดมินตัน เนื่องจากพ่อแม่ทำงานอยู่ที่โรงงานทำขนมบ้านทองหยอด แม่ปุ๊กเกรงว่าฉันจะได้รับอันตรายจากน้ำเชื่อมร้อนๆ ดังนั้นท่านจึงพาฉันไปเล่นแบดมินตัน ซึ่งฉันรู้สึกสนุกมาก"
กมลา ทองคอน หรือ "แม่ปุ๊ก" กล่าวว่า "ตอนนั้นเมย์อายุ 6 ขวบ และอาศัยอยู่ที่โรงงานของฉัน ซึ่งเต็มไปด้วยเตาร้อนๆ และน้ำเชื่อมเดือดพล่าน สำหรับทำขนม ฉันคิดว่ามันอันตรายมากสำหรับเด็ก"
หลังจากที่ คุณกมลา ประสบความสำเร็จจากกิจการขนมหวาน เธอจึงตัดสินใจสร้างสนามแบดมินตัน ซึ่งบริหารงานโดยลูกชายของตัวเอง จนกลายเป็น สถานที่ที่สร้างนักตบลูกขนไก่ระดับโลกมาแล้วหลายต่อหลายคน และนักแบดมินตันฝีมือดีของไทย ต่างก็ได้รับการฝึกฝนจากสถานที่แห่งนี้เป็นส่วนใหญ่ ภายในของสนามแห่งนี้ ยังมีหอพัก ซึ่งสามารถรองรับนักกีฬาเป็นจำนวนมาก อีกทั้งเธอยังจ้างโค้ชชาวจีน เซียะ ชี หัว และทีมงาน เพื่อสร้างผู้เล่นระดับแชมป์โลก
"โค้ชเซียะ" กล่าวถึง "น้องเมย์" เมื่ออายุ 6 ขวบ ว่า "ตอนนั้นเมย์ยังเป็นเพียงเด็กที่วิ่งไปรอบๆ คอร์ต และช่วยนักกีฬาเก็บลูกขนไก่ แต่ผมมาก็เห็นพรสวรรค์ของเธอที่จะฝึกการเล่นแบดมินตันได้"
แชมป์โลกรุ่นเยาวชน 3 สมัย กล่าวถึงการแข่งขันครั้งแรกของตนเองว่า "ฉันลงแข่งครั้งแรกที่ อุดรธานี โอเพน เมื่อตอนอายุ 7 ขวบ และก็ได้แชมป์ประเภทหญิงคู่ จากนั้นก็เริ่มลงแข่งขันระดับชาติ เมื่ออายุ 12 ปี ทัวร์นาเมนต์แรกที่ลงแข่ง จัดที่ประเทศสิงคโปร์ จนสามารถเก็บคะแนนสะสมครั้งแรก เพื่อทำอันดับโลก"
เธอทำอันดับโลกสูงขึ้นเรื่อยๆ ในการแข่งขันประเภทเดี่ยว จนมาถึงอันดับที่ 10 ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อมาก แต่จากคำกล่าวของ "โค้ชเซียะ" ถือว่าเมย์เป็นนักกีฬาที่มีจิตใจแข็งแกร่งในการรับมือกับความกดดัน
โค้ชจากแดนมังกร กล่าวว่า "ผมเริ่มฝึกเมย์หนักขึ้นกว่าคนอื่นๆ เพราะว่าตั้งแต่เริ่มต้น เด็กคนนี้มีความอดทนสูงมาก ผมจำได้ว่าตอนที่เธออายุ 12 ปี กลายเป็นแชมป์ของประเทศไทยได้แล้ว แต่บางครั้งเธอร้องไห้ระหว่างฝึกซ้อม แต่เธอก็อดทนมากจริงๆ"
ชีวิตประจำวันของ นักตบขนไก่วัย 17 ปี ตั้งแต่จำความได้ เธอมักจะกินและนอนที่คอร์ตแบดมินตันแทบทุกวัน บางครั้งถ้าการฝึกซ้อมหนักเกินไป เธอก็ยังมีแม่ คำปัน สุวรรณศาลา ซึ่งทำงานอยู่ที่ บ้านทองหยอด คอยดูแล
เมย์ กล่าวว่า "บางครั้งฉันรู้สึกผิดหวัง หรือรู้สึกว่าไม่ได้รับผลตอบแทนที่ดี บางครั้งก็สับสนว่าจะทำอะไรต่อไป เรื่องนี้เคยพูดกับแม่ ท่านบอกว่าเราจะอยู่ด้วยกันเสมอ ให้ฉันสู้ต่อไป ท่านบอกว่าฉันสามารถเป็นแชมป์โลกได้ เพราะมีความสามารถไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าใคร สามารถเดินตามฝันของตัวเองได้แน่นอน"
เมย์ ตื่นนอน 6 โมงเช้า เพื่อฝึกซ้อมช่วงเช้า 3 ชั่วโมง ตามด้วยรับประทานอาหารกลางวัน และนอนพัก 1 ชั่วโมง ก่อนที่จะฝึกซ้อมต่อในช่วงบ่าย ซึ่งชีวิตประจำวันของเธอยังคงดำเนินไปเช่นนี้เป็นเวลา 6 วัน/สัปดาห์ และ 52 สัปดาห์/ปี
"เมื่อการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกมาถึง ฉันบอกตัวเองเสมอว่าจะทำให้ดีที่สุด ต้องผ่านเข้ารอบให้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้ มันจะดีกว่านี้หากว่าฉันไม่ต้องพบกับนักกีฬาจากจีนในรอบแรก เพราะว่าการเอาชนะพวกเขาไม่ใช่เรื่องง่าย ฉันตั้งเป้าหมายไว้ที่เหรียญทองแดง"
นักกีฬาแบดมินตันจากประเทศจีน มักจะสร้างความหนักใจแก่ผู้เล่นคนอื่นๆ และ 4 นักตบลูกขนไก่จากแดนมังกร ต่างก็เข้าร่วมในการแข่งขันกีฬาเพื่อมวลมนุษยชาติ ด้วยเช่นกัน และ เมย์ ก็รู้สึกถึงความน่าเกรงขามต่อ 1 ใน 4 นักกีฬาจากแผ่นดินใหญ่
"นักกีฬาในดวงใจของฉัน คือ หวัง อี ฮาน ซึ่งครองตำแหน่งมือ 1 ของโลก ณ เวลานี้ ฉันเคยแข่งกับเธอมาก่อน เทคนิกของฉันยังไม่เพียงพอที่จะเอาชนะเธอได้ แต่ฉันเชื่อว่าความแข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจของฉัน ไม่มีวันแพ้อย่างแน่นอน" เมย์ เผชิญหน้ากับ ราชินีคอร์ตยาง มาแล้ว 4 ครั้งปรากฏว่า เมย์ แพ้ทั้ง 4 ครั้ง แต่ นักตบมือ 1 ของโลก ยังช่วยผลักดันให้ เมย์ ก้าวข้ามขีดจำกัดของตนเองให้ได้
มันอาจจะง่าย หากว่าเราจะลืมไปว่า เมย์ คือ แชมป์โลกและความหวังการคว้าเหรียญรางวัลในลอนดอนเกมส์ของไทย ซึ่งจริงๆ แล้ว เมย์ ยังมีความสดใสร่าเริงเหมือนกับเด็กทั่วๆ ไป มากกว่าที่จะเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง "ฉันมีเพื่อน 3 คน พวกเขาคือ วินนี เดอ พูห์ และฉันมักจะวางไว้บนหัวนอนตลอดเวลา"
ถ้าหากว่า เมย์ สามารถคว้าเหรียญรางวัลจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งนี้หรือในอนาคต มันจะเป็นเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจจากการยืนหยัดและการสนับสนุนทางด้านการเงินของบุคคลคนหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อวงการกีฬาของประเทศ แต่เราต้องยกเครดิตส่วนใหญ่แก่ เมย์ ซึ่งจะให้คำตอบ เมื่อเธอถูกถามว่า เธอยังเด็กเกินกว่าที่จะแข่งโอลิมปิก ซึ่ง นักแบดเยาวชนมือ 1 ของไทย ทิ้งท้ายว่า "นั่นอาจเพราะคุณมองแค่อายุของฉัน แต่ฉันมีความสามารถไม่แพ้นักกีฬาที่อายุมากกว่าแน่นอน"
นอกจากนี้ "อีเอสพีเอ็น" ยังจัดทำรายการอื่นๆ ที่จะทยอยออกอากาศ ได้แก่ Golden Moment , Olympic Icons เพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อยก่อน "ลอนดอนเกมส์" เปิดฉากอย่างเป็นทางการ อีกทั้งคอกีฬายังรับชมคลิปวิดีโอความยาว 30 วินาทีของรายการ Living the Dream สามารถดาวโหลดได้ที่ http://www.sendspace.com/file/gigv55