“อัซซูรี” หืดชนโครแอต “กระทิง” ได้ทีขวิดไอริช

ASTVผู้จัดการรายวัน - “อัซซูรี” อิตาลี หืดจับในการลุ้นผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (ยูโร) 2012 เมื่อมีคิวชน โครเอเชีย จ่าฝูงกลุ่มซี คืนวันพฤหัสบดีที่ 14 มิถุนายน 2555 ขณะที่ “กระทิงดุ” สเปน ได้เวลาขวิด สาธารณรัฐไอร์แลนด์ สานโอกาสเข้าป้องกันแชมป์ต่อไป

อิตาลี - โครเอเชีย เตะ 23.00 น.

เซซาเร ปรันเดลลี พอใจกับแทกติก 3-5-2 แนวรับ 3 คนที่ถอยเอา ดานิเอเล เด รอสซี มายืนคล้ายลิเบอร์โร ประสานงาน เลโอนาร์โด โบนุชชี และ จอร์โจ คิเอลลินี ได้ลงตัว ทว่า เป็นไปได้ที่กุนซือ “อัซซูรี” จะปรับหมากเป็น 4-2-2-2 ในการรับมือแนวรุกโครแอตที่เน้นโจมตีด้วยลูกโด่ง เด รอสซี อาจขึ้นไปตัดเกมร่วมกับ ติอาโก ม็อตตา ตามถนัด ขณะที่ คริสเตียน มาจโจ กลับมาประจำการแบ็กขวาเต็มตัว ด้านซ้ายเติม เฟเดริโก บัลซาเร็ตติ ฟูลแบ็กธรรมชาติลงมา ส่วนห้องเครื่องมี อันเดรีย ปิร์โล ปั้นบอลร่วมกับ เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ คู่หน้าต้องชั่งใจอิตาลี ว่า จะให้โอกาส อันโตนิโอ ดิ นาตาเล ผู้ยิงประตูสเปนในนัดแรก ลงตัวจริงหรือไม่และใครระหว่าง มาริโอ บาโลเตลลี กับ อันโตนิโอ คาสซาโน ต้องหลุดออกไป

ฟากของ โครเอเชีย ประเดิมกดชัยเหนือ ไอร์แลนด์ ดังนั้น สลาเวน บิลิช กุนซือคนหนุ่มคงไม่ปรับเปลี่ยนทีมจากที่เล่นดีอยู่แล้ว โจซิป ซิมูนิช เซ็นเตอร์จอมเก๋าต้องสำรองต่อไป เนื่องจาก เวดราน ชอร์ลูกา กับ กอร์ดอน ชิลเดนเฟลด์ ปักหลักได้แข็งแกร่ง ส่วน ดาริโอ เซอร์นา แบ็กขวากัปตันทีมเติมเกมบุกได้บ่อยครั้ง แผงมิดฟิลด์หน้าที่ตัดเกมเป็นของ อ็อกเยน วูโคเยวิช ปล่อยให้ อีวาน เปริซิช, ลูกา โมดริช และ อีวาน ราคิติช ปั้นเกมรุกได้อย่างสบายใจ ด้านคู่หัวหอกถือว่าน่าจับตามองยิ่ง นิกิชา เยลาวิช เด่นเรื่องลูกกลางอากาศ มาริโอ มานด์ซูคิช กำลังมั่นใจจากการเบิ้ลสกอร์ได้ตั้งแต่นัดแรก

ความน่าจะเป็นของเกม - 5 นัดหลังสุดในทัวร์นาเมนต์เป็นทางการที่เจอกัน อิตาลี เสมอ 4 แพ้ 1 โดยประตู ดิ นาตาเล ถือเป็นการปลดล็อกทีมเจาะตาข่ายใครไม่ได้มา 360 นาทีเต็ม บ่งชี้ให้เห็นว่า “อัซซูรี” มีปัญหาแนวรุกฝืดสนิท กอปรกับเจอโครเอเชีย 6 นัดหลังสุด อิตาลีชนะได้เพียงหนเดียว พ่ายไปถึง 3 ครั้ง อย่างไรก็ดี ลูกทีมของ ปรันเดลลี จะอาศัยความเก๋าเสมอ 1-1 แบ่งแต้มมาได้

สเปน - สาธารณรัฐไอร์แลนด์ เตะ 01.45 น.

โดนวิจารณ์อย่างหนักสำหรับแทกติก บิเซนเต เดล บอสเก ที่ไม่ส่งศูนย์หน้าอาชีพลงเล่นนัดแรก เลือกดัน เชส ฟาเบรกาส ขึ้นไปช่วย ดาบิด ซิลบา กับ อันเดรส อิเนียสตา แต่เกมนี้ “กระทิงดุ” จะให้ เฟร์นานโด ตอร์เรส ลงตัวจริงก่อน เฟร์นานโด ยอเรนเต แม้พลาดโอกาสทองเกมกับอิตาลีหลายหน ส่วน ฟาเบรกาส คงต้องเริ่มต้นที่ม้านั่งสำรองแม้ยิงให้ทีมได้แต้มก็ตาม เพราะแผงมิดฟิลด์นำโดย เซร์กี บุสเกตส์, ชาบี เอร์นานเดซ และ ชาบี อลอนโซ เข้าขาดีอยู่แล้ว แนวรับกุนซือจอมเก๋าคงต้องสั่งให้แบ็กซ้ายขวา ฆอร์ดี อัลบา กับ อัลบาโร อาร์เบลัว ช่วยเติมเกมรุกมากขึ้นเพื่อเจาะกำแพงเกมรับไอริช

ด้าน โจวานนี ตราปัตโตนี ยอดกุนซือชาวอิตาเลียน พอใจชื้นได้บ้าง เมื่อ ริชาร์ด ดันน์ สลัดอาการเจ็บเท้ากลับมาประจำการแนวรับร่วมกับ ฌอน เซ็นต์ เล็ดเจอร์ ผู้ทำประตูตีไข่แตกจากนัดแรก ขณะที่ สตีเฟน วอร์ด แม้มีหลุดให้เห็นแต่น่าจะยึดตำแหน่งแบ็กซ้ายได้ต่อไป อย่างไรก็ตาม “อิล แทร็ป” อาจต้องอัดแผงกลาง 5 คน เพื่อต่อกรแข้งเวิลด์คลาสของสเปน ดาร์รอน กิบสัน จะลงมาร่วมไล่บอลกับ เกล็น วีแลน และ คีธ แอนดรูว์ส ปล่อยให้ ไอเดน แม็คกีดี กับ เดเมียน ดัฟฟ์ ลากเลื้อยทางกราบลุ้นเปิดทางให้ ร็อบบี คีน หอกตัวเป้ากัปตันทีมเข้าทำ ส่วน เควิน ดอยล์ ถอยกลับมาที่ม้านั่งสำรองรอเวลาลงมาเป็นซูเปอร์ซับ

ความน่าจะเป็นของเกม - เจอกันมาในแมตช์ทางการ 24 ครั้ง ไอร์แลนด์ ชนะแค่ 4 หน พ่ายไป 13 ครั้ง แถม 12 นัดหลังที่พบกันมีถึง 8 นัดที่ “ยักษ์เขียว” เจาะตาข่ายสเปนไม่เข้า ดังนั้น รูปเกมคงเป็น “กระทิงดุ” ครองบอลอยู่แทบจะฝ่ายเดียว ก่อนใช้เกมรุกเข้าทำอันหลากหลายบดชนะไป 2-0