บัวขาว ป.ประมุข ยอดมวยไทยชื่อดัง ส่งตัวแทนยื่นหนังสืออุทธรณ์ไปยัง สำนักงานการคณะกรรมการกีฬามวย หลังถูกลงโทษห้ามชก 6 เดือน โดยยืนยันว่า การขึ้นชกไทยไฟต์ในวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา ตนเองจำเป็นและมีสิทธิ์ในการขึ้นชกเนื่องจากอยู่ในสัญญาที่เซ็นเอาไว้ระหว่างค่ายป.ประมุขกับทางบริษัท สปอร์ตอาร์ต
วันนี้ 29 พฤษภาคม 2555 บัวขาว ป.ประมุข ได้มอบอำนาจให้ ดร.เทพปกรณ์ อินทรพัฒน์ ทนายความและที่ปรึกษา มายื่นอุทธรณ์คำสั่งนายทะเบียนมวย ที่ลงโทษห้ามชก 6 เดือน จากกรณีที่ขึ้นชกรายการ Thai Fight ที่พัทยา เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2555 ที่ผ่านมา และมีปัญหากับค่าย ป.ประมุข
โดยเนื้อหาในการอุทธรณ์ของกำปั้นคนดังจากจังหวัดสุรินทร์ มีใจความว่า คำสั่งของนายทะเบียนไม่ถูกต้องตามกฎหมายและไม่เป็นธรรม เพราะได้มีหนังสือให้ตนมารับทราบข้อหาและชี้แจง วันที่ 22 พฤษภาคม 2555 แต่มีคำสั่งลงโทษไปก่อนแล้วตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม 2555 โดยไม่ฟังคำชี้แจงก่อนและการขึ้นชกของตน เมื่อวันที่ 17 เม.ย.ที่พัทยา
ตนเชื่อโดยสุจริตว่า มีสิทธิขึ้นชกได้และจำเป็นต้องชก เพราะเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2553 นายธีรพัฒน์ โรจนตัณฑ์ หัวหน้าค่าย ป.ประมุข ได้นำตนไปเซ็นสัญญา กับบริษัท สปอร์ตอาร์ต ว่าตนต้องขึ้นชกรายการ Thai Fight ไปจนถึงเดือนธันวาคม 2555 โดยได้ค่าตัวครั้งละ 3 แสนบาท ไม่รวมรางวัล
หากไม่ขึ้นชกจะต้องถูกปรับ 5 เท่า เท่ากับ 1 ล้าน 5 แสนบาท โดย นายธีรพัฒน์ ลงชื่อเป็นพยานในสัญญา และค่ายยังเคยมีหนังสือลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2555 ขออนุญาตจากบริษัท สปอร์ตอาร์ต นำตนไปชกในรายการของค่าย ตนเข้าใจว่า การชกรายการ Thai Fight ทางค่ายได้ยินยอมมอบสิทธิการชกของตนให้บริษัท สปอร์ตอาร์ต ไป Thai Fight ทางค่ายได้ยินยอมมอบสิทธิการชกของตนให้บริษัท สปอร์ตอาร์ต ไปแล้ว มีกำหนด 2 ปี
และก่อนหน้านี้ ค่ายก็บอกให้ตนเตรียมตัวขึ้นชกรายการนี้มาโดยตลอด เมื่อบริษัท สปอร์ตอาร์ต แจ้งให้ตนขึ้นชกในวันดังกล่าว ตนจึงปฏิบัติตาม เพราะไม่เช่นนั้นตนจะถูกปรับตามสัญญา 1 ล้าน 5 แสนบาท ตนไม่ได้จงใจหรือมีเจตนาฝ่าฝืนกฎหมายมวยแต่อย่างใด เพราะการกระทำของค่ายทำให้เข้าใจได้อย่างนั้น
จึงขอให้บอร์ดมวย ยกเลิกหรือเพิกถอนคำสั่งนายทะเบียนและขอให้ทุเลาการบังคับตามคำสั่งไว้ก่อน ในระหว่างการพิจารณาของบอร์ด เพื่อไม่ให้ตนต้องเสียหายหรือเสียสิทธิในระหว่างนี้ และเพื่อประโยชน์ของประชาชนที่อยากดูตนชกมวย หรือประโยชน์แก่ประเทศในกรณีที่มีรายการชกในต่างประเทศ ตนจะได้ชกมวยได้ในระหว่างที่คำสั่งยังไม่ถึงที่สุด
ซึ่งตามรายงานระบุว่าหนังสืออุทธรณ์ดังกล่าว ได้ถึงมือนายเดช ใจกล้า ผู้อำนวยการสำนักงานการคณะกรรมการกีฬามวย การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
วันนี้ 29 พฤษภาคม 2555 บัวขาว ป.ประมุข ได้มอบอำนาจให้ ดร.เทพปกรณ์ อินทรพัฒน์ ทนายความและที่ปรึกษา มายื่นอุทธรณ์คำสั่งนายทะเบียนมวย ที่ลงโทษห้ามชก 6 เดือน จากกรณีที่ขึ้นชกรายการ Thai Fight ที่พัทยา เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2555 ที่ผ่านมา และมีปัญหากับค่าย ป.ประมุข
โดยเนื้อหาในการอุทธรณ์ของกำปั้นคนดังจากจังหวัดสุรินทร์ มีใจความว่า คำสั่งของนายทะเบียนไม่ถูกต้องตามกฎหมายและไม่เป็นธรรม เพราะได้มีหนังสือให้ตนมารับทราบข้อหาและชี้แจง วันที่ 22 พฤษภาคม 2555 แต่มีคำสั่งลงโทษไปก่อนแล้วตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม 2555 โดยไม่ฟังคำชี้แจงก่อนและการขึ้นชกของตน เมื่อวันที่ 17 เม.ย.ที่พัทยา
ตนเชื่อโดยสุจริตว่า มีสิทธิขึ้นชกได้และจำเป็นต้องชก เพราะเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2553 นายธีรพัฒน์ โรจนตัณฑ์ หัวหน้าค่าย ป.ประมุข ได้นำตนไปเซ็นสัญญา กับบริษัท สปอร์ตอาร์ต ว่าตนต้องขึ้นชกรายการ Thai Fight ไปจนถึงเดือนธันวาคม 2555 โดยได้ค่าตัวครั้งละ 3 แสนบาท ไม่รวมรางวัล
หากไม่ขึ้นชกจะต้องถูกปรับ 5 เท่า เท่ากับ 1 ล้าน 5 แสนบาท โดย นายธีรพัฒน์ ลงชื่อเป็นพยานในสัญญา และค่ายยังเคยมีหนังสือลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2555 ขออนุญาตจากบริษัท สปอร์ตอาร์ต นำตนไปชกในรายการของค่าย ตนเข้าใจว่า การชกรายการ Thai Fight ทางค่ายได้ยินยอมมอบสิทธิการชกของตนให้บริษัท สปอร์ตอาร์ต ไป Thai Fight ทางค่ายได้ยินยอมมอบสิทธิการชกของตนให้บริษัท สปอร์ตอาร์ต ไปแล้ว มีกำหนด 2 ปี
และก่อนหน้านี้ ค่ายก็บอกให้ตนเตรียมตัวขึ้นชกรายการนี้มาโดยตลอด เมื่อบริษัท สปอร์ตอาร์ต แจ้งให้ตนขึ้นชกในวันดังกล่าว ตนจึงปฏิบัติตาม เพราะไม่เช่นนั้นตนจะถูกปรับตามสัญญา 1 ล้าน 5 แสนบาท ตนไม่ได้จงใจหรือมีเจตนาฝ่าฝืนกฎหมายมวยแต่อย่างใด เพราะการกระทำของค่ายทำให้เข้าใจได้อย่างนั้น
จึงขอให้บอร์ดมวย ยกเลิกหรือเพิกถอนคำสั่งนายทะเบียนและขอให้ทุเลาการบังคับตามคำสั่งไว้ก่อน ในระหว่างการพิจารณาของบอร์ด เพื่อไม่ให้ตนต้องเสียหายหรือเสียสิทธิในระหว่างนี้ และเพื่อประโยชน์ของประชาชนที่อยากดูตนชกมวย หรือประโยชน์แก่ประเทศในกรณีที่มีรายการชกในต่างประเทศ ตนจะได้ชกมวยได้ในระหว่างที่คำสั่งยังไม่ถึงที่สุด
ซึ่งตามรายงานระบุว่าหนังสืออุทธรณ์ดังกล่าว ได้ถึงมือนายเดช ใจกล้า ผู้อำนวยการสำนักงานการคณะกรรมการกีฬามวย การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
