“กกท.” บุกบ้านเกิดแจ้ง “พระบัวขาว” รับทราบข้อหา-ญาติรับหน้าแทน อ้างไม่ปลอดภัย

สุรินทร์- เจ้าหน้าที่ “กกท.” นำหนังสือแจ้ง “พระบัวขาว” ถึงบ้านเกิด อ.สำโรงทาบ สุรินทร์ ให้ไปให้ข้อมูลเพิ่มเติมและรับทราบข้อกล่าวหา กรณีปัญหาบอกเลิกสัญญากับค่าย “ป.ประมุข” และแหกกฎขึ้นชกมวยไทยไฟต์ ภายใน 22 พฤษภาคมนี้ แต่ไม่พบตัว มีเพียงญาติเป็นครูมวยคนแรกและกำนันมารับหนังสือแทน ยันไม่สามารถเปิดเผย “พระบัวขาว” จำวัดที่ใดหวั่นไม่ปลอดภัย ระบุมีกลุ่มชายฉกรรจ์ขับรถวนเวียนมาถามหาถึง 2 ครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (16 พ.ค.) ที่บ้านเลขที่ 13 บ้านสองหนอง หมู่ที่ 4 ต.เกาะแก้ว อ.สำโรงทาบ จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของพระบัวขาว อุปคุตโต หรือนายสมบัติ บัญชาเมฆ หรือ บัวขาว ป.ประมุข อายุ 30 ปี นักมวยไทยชื่อดัง เจ้าของแชมป์มวยไทยไฟต์ 2011 และเจ้าของแชมป์เควัน ที่ญี่ปุ่น 2 สมัย ขวัญใจแฟนมวยชาวไทยและต่างชาติ และมีปัญหาฟ้องร้อง กับนายธีรพัฒน์ โรจนตัณฑ์ เจ้าของค่ายมวย ป.ประมุข อยู่ในขณะนี้นั้น

นายสมศักดิ์ สถิตอินทราพร พนักงานเจ้าหน้าที่ กีฬามวย จังหวัดสุรินทร์ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ได้นำหนังสือจากสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย การกีฬาแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ลงวันที่ 3 พฤษภาคม 2555 ลงนามโดย นายเดช ใจกล้า ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย นายทะเบียนมวย มาส่งให้พระบัวขาว อุปคุตโต หรือนายสมบัติ บัญชาเมฆ จำนวน 2 ฉบับ

โดยหนังสือฉบับแรกเรียกให้ นายสมบัติ บัญชาเมฆ หรือพระบัวขาว อุปคุตโต ไปให้ข้อมูลเพิ่มเติม หลังจากที่ได้บอกเลิกสัญญากับค่ายมวย ป.ประมุข ซึ่งได้เรียกพระบัวขาว หรือนายสมบัติ บัญชาเมฆ ไปให้ข้อมูลเพิ่มเติม พร้อมกับหัวหน้าค่ายมวย ป.ประมุข หลังจากที่ได้ยื่นหลักฐานแก่คณะกรรมการกีฬามวยเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2555 จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 21 (2) แห่งพระราชบัญญัติกีฬามวย 2546 สำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย เรียกไปให้ข้อมูลในวันที่ 22 พฤษภาคม 2555 นี้ เวลา 13.30 น.ที่สำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย การกีฬาแห่งประเทศไทย พร้อมระบุว่า “หากไม่ไปตามหนังสือเรียกฉบับนี้อีก ถือว่าท่านสละสิทธิคำร้อง และไม่ประสงค์ที่จะดำเนินการเรื่องบอกเลิกสัญญาอีกต่อไป”

ส่วนหนังสือฉบับที่ 2 เป็นหนังสือเรียกไปให้รับทราบข้อกล่าวหา ระบุว่า แจ้งนายสมบัติ บัญชาเมฆ ตามที่ท่านได้เข้าร่วมการแข่งขันกีฬามวย ในรายการ Thai Fight Made in Thailand เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2555 เป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติกีฬามวย พ.ศ. 2542 มาตรา 30 ประกอบกฎกระทรวง (พ.ศ. 2545) ว่าด้วยมาตรฐานการปฏิบัติหน้าที่และจรรยาบรรณของบุคคลในแวดวงกีฬามวย ข้อ 1 และข้อ 8 และระเบียบคณะกรรมการกีฬามวย ว่าด้วยการสังกัดค่าย และย้ายสังกัดค่ายมวย พ.ศ. 2544 ข้อ 10 และข้อ 11 นายทะเบียนมีอำนาจเพิกถอนท่าน จึงเรียกท่านไปรับทราบข้อกล่าวหาเมื่อวันที่ 30 เมษายน 55 แต่ปรากฏว่านายสมบัติไม่ได้ไปตามหนังสือเรียก

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 21 (2) แห่งพระราชบัญญัติกีฬามวย พ.ศ. 2542 สำนักงานคณะกรรมการกีฬามวยจึงเรียกนายสมบัติ บัญชาเมฆ ไปรับทราบข้อกล่าวหาอีกครั้งในวันที่ 22 พฤษภาคม 2555 เวลา 11.00 น.ที่สำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย ชั้น 7 ของอาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา (อาคาร 25 ชั้น) การกีฬาแห่งประเทศไทย

หากนายสมบัติ บัญชาเมฆ ไม่ไปตามนัดถือว่าท่านไม่ประสงค์ชี้แจงใดๆ ทั้งสิ้น และให้สำนักงานคณะกรรมการกีฬามวยพิจารณาวินิจฉัยสั่งการตามเอกสารและหลักฐานที่มีอยู่ต่อไป

ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ สถิตอินทราพร พนักงานเจ้าหน้าที่กีฬามวย จังหวัดสุรินทร์ ได้มอบหนังสือทั้ง 2 ฉบับแก่นายทอง บุราคร ครูมวยคนแรกของพระบัวขาว และนายทองอ่อน พันธมาศ กำนันตำบลเกาะแก้ว เพื่อนำหนังสือไปมอบแก่พระบัวขาวต่อไป

นายสมศักดิ์ สถิตอินทราพร พนักงานเจ้าหน้าที่กีฬามวย จังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า ตนเป็นตัวแทนของสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย ได้นำหนังสือทั้ง 2 ฉบับมามอบให้ญาติของพระบัวขาว ซึ่งจริงๆ แล้วต้องการจะนำหนังสือไปมอบให้พระบัวขาวโดยตรง แต่ติดขัดเรื่องที่ไม่ทราบว่าพระบัวขาวจำวัดอยู่ที่วัดใด แม้จะถามญาติพี่น้อง และกำนันตำบลเกาะแก้วแล้วก็ตาม ซึ่งอาจเป็นเรื่องความปลอดภัยของพระบัวขาว จึงทำได้แค่ส่งมอบหนังสือทั้ง 2 ฉบับฝากไปให้พระบัวขาว ส่วนพระบัวขาวจะเดินทางไปชี้แจงและรับทราบข้อกล่าวหาเองหรือไม่นั้น ไม่ทราบ แต่อยากให้ทั้งสองฝ่ายได้พบกัน ปัญหาต่างๆ จะได้คลี่คลายไปในทางที่ดีจะได้ประกอบอาชีพกันต่อไป

ขณะที่นายทอง บุราคร ครูมวยคนแรกของพระบัวขาว กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าพระบัวขาวจำวัดอยู่ที่วัดแห่งใดเนื่องจากไม่มีความมั่นใจในเรื่องของความปลอดภัย ซึ่งล่าสุดเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาได้มีชายฉกรรจ์ 3 คน มีพฤติการณ์พิรุธขับรถมาวนเวียนถามหาพระบัวขาวที่บ้านเกิดถึง 2 รอบ

ด้านนายทองอ่อน พันธมาศ กำนันตำบลเกาะแก้ว อ.สำโรงทาบ จ.สุรินทร์ กล่าวว่า ยังบอกไม่ได้ว่าพระบัวขาวอยู่ที่วัดไหน แต่จะนำหนังสือทั้ง 2 ฉบับไปส่งมอบให้พระบัวขาว ส่วนท่านจะไปหรือไม่ หรือให้ทนายความไปแทน ก็เป็นเรื่องที่พระบัวขาวจะได้พูดคุยกัน แต่ขณะนี้พระบัวขาวจิตใจสงบมากแล้ว และได้ทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา

“ได้พูดคุยกับพระบัวขาวถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับทางค่าย ป.ประมุข ก็ได้รับทราบว่ามีเรื่องการพักผ่อนไม่เพียงพอและการบาดเจ็บช่วงชกมวย และเรื่องผลประโยชน์ตอบแทนที่ไม่เป็นธรรม ทำให้เกิดปัญหาขึ้นจนถึงทุกวันนี้ แต่อยากให้เรื่องยุติลงโดยเร็ว ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะได้ประกอบอาชีพกันต่อไป” นายทองอ่อนกล่าว