“บัวขาว” จูบปาก “ป.ประมุข” กกท.ให้อุทธรณ์โทษแบน

ASTVผู้จัดการรายวัน - สมบัติ บัญชาเมฆ หรือ บัวขาว ป.ประมุข จูบปาก “กำนันแก๊” ประมุข โรจนตัณฑ์ เจ้าของค่ายมวยชั้นนำของไทย โดยมีการแบ่งผลประโยชน์ลงตัวสามารถร่วมงานกันได้ต่อ ขณะเดียวกัน การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดช่องให้ยอดนักชกอุทธรณ์โทษแบนที่ถูกตัดสินห้ามขึ้นสังเวียนเป็นเวลา 6 เดือน

เมื่อเวลา 13.15 น.วันอังคารที่ 22 พฤษภาคม 2555 ที่ผ่านมา ณ สำนักงานคณะกรรมการมวย ชั้น 7 อาคารเฉลิมพระเกียรติ ภายในการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) “เสธ.ยอด” พลตรี อินทรัตน์ ยอดบางเตย นายกสมาคมยกน้ำหนักแห่งประเทศไทย และกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ เป็นประธานไกล่เกลี่ยกรณีพิพาทมายาวนานของ บัวขาว ป.ประมุข

ซึ่งทางฝั่ง “ดำดอตคอม” บัวขาว ยอดนักชกไทยไฟต์ มาพร้อมกับ ดร.เทพปกรณ์ อินทรพัฒน์ ทนายความและที่ปรึกษากฎหมาย เพื่อชี้แจงถึงปัญหาที่เกิดขึ้น โดยมี “ชาติซ้าย” สมชาติ เจริญวัชรวิทย์ นายกสมาคมกีฬามวยอาชีพ เข้าร่วมประชุมในฐานะประธานอนุกรรมการวินัยและจรรยาบรรณบุคคลในวงการกีฬามวย, นายเดช ใจกล้า ผู้อำนวยการสำนักงานกีฬามวย มาในฐานะนายทะเบียน, นายสกล วรรณพงษ์ รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ฝ่ายสิทธิประโยชน์ รวมถึง “กำนันแก๊” ประมุข โรจนตัณฑ์ เจ้าของค่ายมวย ป.ประมุข

ก่อนเข้าห้องประชุมลับไม่เปิดโอกาสให้นักข่าวเข้าร่วมรับฟัง บัวขาว ถือโอกาสมอบพวงมาลัยเป็นการขอขมา “กำนันแก๊” พร้อมเผยว่า “ผมอยากขอโทษกำนันสำหรับทุกสิ่งที่ลงไป ทุกเรื่องที่ทำให้กำนันไม่สบายใจ” ด้านเจ้าของค่ายมวยดังของเมืองไทย ตอบกลับมาว่า “อยู่ด้วยกันมา 20 ปี ถ้าจะทำอะไรอยากให้บอกกันบ้าง ไม่ใช่หายหน้าไปแบบนี้ อันที่จริงวันนี้ตั้งใจมาจบปัญหาทุกอย่าง พร้อมเคลียร์เรื่องผลประโยชน์ อยากได้แบบไหนให้มาว่ากัน ที่ผ่านมา เลี้ยงดู บัวขาว มาตั้งแต่เล็ก ให้มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ป.ประมุข ตอนมาอยู่ใหม่ๆ ยังไม่เป็นมวย แต่เดี๋ยวนี้เริ่มเป็นมวยมากขึ้นแล้ว โทรศัพท์ไปหาเป็น 100 ครั้ง ไม่คิดติดต่อกลับ อย่างไรก็ตาม มาวันนี้ดีใจที่ได้เห็นหน้ากันอีกครั้ง”

โดยประเด็นที่มีการนำมาถกกันในคราวนี้ สืบเนื่องจาก สำนักงานกีฬามวย สั่งลงโทษถอนทะเบียนนักมวยชั่วคราว 6 เดือนของ บัวขาว เหตุจากทำผิดพระราชบัญญัติกีฬามวย พ.ศ.2542 ขึ้นชกไทยไฟต์ 2012 เมื่อกลางเดือนเมษายน ที่ผ่านมา ซึ่ง ดร.เทพปกรณ์ แย้งว่า “เราอยากให้ กกท.กับบอร์ดมวยพิจารณาเรื่องการลงโทษ โดยเมื่อวันที่ 2 พ.ค.สำนักงานกีฬามวยส่งหนังสือมาให้ แต่ บัวขาว ป่วย จึงไม่สามารถมาชี้แจงได้ จากนั้นมีการส่งหนังสือมาให้ บัวขาว รับทราบข้อกล่าววันนี้ อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 11 พ.ค.ทางสำนักงานกีฬามวยได้สั่งลงโทษถอนทะเบียนนักมวยชั่วคราว 6 เดือน เราจึงต้องข้อสังเกตว่า ทำไมถึงออกบทลงโทษก่อน ทั้งที่เห็นว่ายังไม่น่าดำเนินการ เพราะนักมวยยังไม่ได้มาชี้แจงข้อกล่าวหาเลย จะลงโทษทันทีได้อย่างไร”

จากนั้นทุกฝ่ายเข้าประชุม หลังจากหารือเครียดนานกว่า 2 ชั่วโมง นายสกล วรรณพงษ์ รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ฝ่ายสิทธิประโยชน์ เผยในรายละเอียดว่าทั้ง บัวขาว และ ป.ประมุข สามารถตกลงกันได้ในเรื่องผลประโยชน์ โดยในส่วนของเงินค่าชก บัวขาว จะได้ไป 60 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ค่ายได้ 40 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่สิทธิประโยชน์ ค่าโชว์ตัวต่างๆ นักมวยได้ไป 75 เปอร์เซ็นต์ ฝ่าย ป.ประมุข ได้ 25 เปอร์เซ็นต์ โดยระยะเวลาจากสัญญาเดิมที่เซ็นเมื่อปี 2553 (8 ปี) ปัจจุบันเหลืออีก 5 ปี อย่างไรก็ตาม การทำสัญญาอะไรต่อจากนี้ ทั้งสองฝ่ายต้องเซ็นร่วมกัน หากฝ่ายใดเซ็นเองจะถือว่าเป็นโมฆะ ในส่วนของการซ้อม บัวขาว ได้รับอนุญาตให้ไปซ้อมเองได้ที่ค่ายบัญชาเมฆของตัวเอง แต่เวลาขึ้นชกให้ใช้ชื่อ ป.ประมุข เหมือนเดิม

อีกทั้งตอนนี้ “ป.ประมุข” ได้ถอนฟ้อง บัวขาว และการกีฬาแห่งประเทศไทย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนกรณีพิพาทกับบริษัท สปอร์ตอาร์ต จำกัด ผู้จัดไทยไฟต์ 2012 คงต้องไปเคลียร์กันเอง สำหรับเรื่องที่ บัวขาว ถูกถอดถอนใบอนุญาตชกเป็นเวลา 6 เดือน สำนักงานกีฬามวยของ กกท.ให้ทาง ป.ประมุข ดำเนินเรื่องอุทธรณ์ได้ภายใน 1 เดือน โดยขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ นายเดช ใจกล้า ผู้อำนวยการสำนักงานกีฬามวยในฐานะนายทะเบียน

ภายหลัง บัวขาว เปิดใจว่า “ผมต้องขอโทษทุกคนที่ทำให้เกิดความเดือดร้อน ที่ผ่านมา นึกถึงบุญคุณของทางค่าย ป.ประมุข มาตลอด ขอยืนยันว่า ที่แหกค่ายหนีเป็นการตัดสินใจของตัวเอง ไม่มีใครมาชักใย ตอนแรกไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องราวใหญ่โตเช่นนี้ ส่วนตอนนี้ยังไม่มีโปรแกรมขึ้นชก ขอพักผ่อนก่อน เรื่องแขวนนวมที่เคยเปรยไว้ ต้องดูสภาพร่างกายด้วยว่าจะต่อยได้ถึงเมื่อใด ปัจจุบันก็อายุ 30 ปีแล้ว เรื่องค่ายบัญชาเมฆ เปิดโอกาสให้เด็กๆ มาฝึกซ้อม ยังไม่มีนักชกชื่อดังมาร่วมงานกันแต่อย่างใด แต่หากมีใครต้องการให้เป็นโปรโมเตอร์ คงต้องมาคุยกันอีกที”

ด้าน “กำนันแก๊” เปิดเผยหลังการประชุม โดยมีสีหน้าไม่พอใจและพูดเสียงแข็งแต่เพียงสั้นๆ ว่า “ทุกอย่างก็เคลียร์กันเรียบร้อยแล้ว ไม่อยากจะพูดอะไรอีก”

ส่วน “เสี่ยอุ” ธีระพัฒน์ โรจนตัณฑ์ หัวหน้าค่าย พูดถึงกรณีฟ้องร้องไทยไฟต์ ว่า “เรื่องนี้คงต้องแล้วแต่ทนายความว่าจะดำเนินการฟ้องหรือไม่ ส่วนกรณีถ้าต่างประเทศต้องการให้ บัวขาว ไปโชว์ตัว เราก็ต้องขอดูรายละเอียดของสัญญาก่อน”

ขณะที่ “เสธ.ยอด” ทิ้งท้ายหลังทุกอย่างลงตัวว่า “ขอบคุณทั้งสามฝ่าย ไม่ว่าจะเป็น ค่าย ป.ประมุข, บัวขาว และ กกท. ที่ตกลงกันได้ เพื่อที่ บัวขาว จะได้สร้างชื่อเสียงให้ประเทศต่อไป และเชื่อว่า แฟนๆ มวยก็น่าจะมีความสุขที่ปัญหายุติ”

ภาพโดย : อดิศร ฉาบสูงเนิน