ช่วงนี้ดูเหมือน “บังยี” วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย งานเข้ารอบด้าน ก่อนหน้านี้ โดนไล่เบี้ยทวงถามความชัดเจนเรื่องสิทธิประโยชน์ “ศึกไทยพรีเมียร์ลีก” จาก เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ล่าสุด “สำนักข่าวอิศรา” (www.isranews.org) เจอหลักฐานโยกย้ายผ่องถ่ายทรัพย์สินหลังเข้ารับตำแหน่งผู้แทนการค้าไทยได้แค่ 2 เดือนเท่านั้น
ได้รับความไว้วางใจให้นั่งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เป็นสมัยที่ 3 นับตั้งแต่สืบทายาทจาก วิจิตร เกตุแก้ว เมื่อ พ.ศ.2550 ทว่า ผลงานของ วรวีร์ มะกูดี ยังไม่เข้าตาแฟนลูกหนัง จากผลงานของฟุตบอลทีมชาติไทยที่สาละวันเตี้ยลง กอปรกับการดำเนินการจัดการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพครั้งแรกแดนสยามอย่าง “ไทยพรีเมียร์ลีก” ส่งกลิ่นอะไรบางอย่างออกมา ทำให้มีหลายฝ่ายเริ่มซักไซ้ไล่เรียงหาความจริงจากมุมที่เคยถูกปิดไว้มาโดยตลอด
ในส่วนของ “บิ๊กเน” เนวิน ชิดชอบ ได้ร่วมกับสมาชิกจาก 18 สโมสร จัดตั้งเป็น “ภาคีสโมสรไทยพรีเมียร์ลีก” เพื่อเตรียมยื่นหนังสือขอสำเนาสัญญาและสอบถามนโยบายการบริหารบริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด นี่ถือเป็นการโดนตรวจสอบอีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ “บังยี” เคยเป็นข่าวไปทั่วโลกเจอ ลอร์ด เดวิด ทริสแมน อดีตประธานสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอฟ) กล่าวหาว่าเรียกร้องสินบนจากการลงคะแนนเสียงให้อังกฤษลุ้นเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2018 แต่ภายหลังรอดตัวมาได้หวุดหวิด
มาล่าสุด วรวรี มะกูดี ซึ่งได้รับความไว้วางใจจาก “รัฐบาลปู” น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่งตั้งให้เป็น “ผู้แทนการค้าไทย” เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ปีที่ผ่านมา เจอแฉหลักฐานสำคัญ เนื่องจากสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจสอบพบว่า “บังยี” มีการผ่องถ่ายทรัพย์สิน? แจ้งลาออกกรรมการ-โอนหุ้นพรวดเดียว 4 บริษัท ให้คนใกล้ชิดหลังรับตำแหน่งผู้แทนการค้าไทยแค่ 2-3 เดือน
ซึ่งรายงานจากการตรวจสอบข้อมูลการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเอกชน 4 แห่งของนายวรวีร์ ที่ยังดำเนินกิจการ ได้แก่ 1.บริษัท เบนซ์เมืองมีน จำกัด 2.บริษัท บี เอ็น เอ ดับบลิว ดีเวลลอปเปอร์ จำกัด 3.บริษัท วอร์ม จำกัด และ 4.บริษัท เอ อี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) พบว่า “บังยี” ได้ยื่นขอลาออกจากกรรมการ และโอนหุ้นทั้งหมดไปให้กับบุคคลคนเดียวทั้งหมด คือ นายชาญ เกียรติศิลปิน
ทั้งนี้ ในส่วนของบริษัท บี เอ็น ดับบลิว ดีเวลลอปเปอร์ จำกัด ได้ทำเรื่องถึงกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2549 เพื่อขอเปลี่ยนแปลงตัวกรรมการบริษัท โดย นายวรวีร์ ได้ลาออกจากการเป็นกรรมการ และมี นายวอง ยี ยิม เข้ามาเป็นกรรมการรายใหม่ จากนั้นวันที่ 4 พฤศจิกายน 2554 นายวอง ยี ยิม ในฐานะกรรมการ ได้ส่งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นใหม่ มีการเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้น จากเดิมที่จัดส่งไว้เมื่อปี 2545 เพียงรายเดียว คือ ในส่วนของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ จากชื่อ นายวรวีร์ เป็น นายชาญ เกียรติศิลปิน แทน ต่อเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2554 บริษัท เบนซ์เมืองมีน จำกัด บริษัท วอร์ม จำกัด และบริษัท เอ อี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ได้ทำเรื่องขอเปลี่ยนแปลงตัวกรรมการ และผู้ถือหุ้นรายใหญ่ จาก นายวรวีร์ เป็น นายชาญ เกียรติศิลปิน แทนเช่นกัน
โดยสัดส่วนการถือครองหุ้นที่นายวรวีร์ ถือครองอยู่ในบริษัทเอกชน 4 แห่ง แบ่งเป็น บริษัท บี เอ็น ดับบลิว ดีเวลลอปเปอร์ จำกัด จำนวน 8,000 หุ้น หุ้นละ 100 บาท คิดเป็นมูลค่า 800,000 บาท บริษัท เบนซ์เมืองมีน จำกัด จำนวน 19,500 หุ้น หุ้นละ 100 บาท คิดเป็นมูลค่า 1,950,000 บาท บริษัท วอร์ม จำกัด จำนวน 4,000หุ้น หุ้นละ 100 บาท คิดเป็นมูลค่า 400,000 บาท บริษัท เอ อี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 10,000 หุ้น หุ้นละ 100 บาท คิดเป็นมูลค่า 1,000,000 บาท รวมมูลค่าหุ้นที่ นายชาญ เกียรติศิลปิน ได้รับโอนไปจาก นายวรวีร์ เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 4,150,000 บาท (ดูตาราง)
จากการตั้งข้อสังเกตุของสำนักข่าวอิศรา แม้ “บังยี” ลาออกจากการเป็นกรรมการ และผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทเอกชนทั้ง 4 แห่ง แต่ปัจจุบัน บริษัท วอร์ม จำกัด บริษัท เอ อี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท บี เอ็น ดับบลิว ดีเวลลอปเปอร์ จำกัด ยังใช้ที่อยู่เดียวกัน คือ เลขที่ 11/11 หมู่ที่ 1 ถนนเลียบวารี แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก กทม. เป็นสถานที่ตั้งบริษัท ซึ่งที่อยู่ดังกล่าว เป็นที่อยู่เดียวกันกับที่ปรากฏในบัตรประจำตัวประชาชน ของ นายวรวีร์ ที่ใช้ยื่นเรื่องต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ทั้ง 3 แห่ง ทั้งนี้ ที่อยู่เลขที่ 11/11 หมู่ที่ 1 ถนนเลียบวารี แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก กทม.ทั้งยังถูกระบุเป็นสถานที่ตั้งบริษัท เวสท์ อินเตอร์ฟอร์ม เทคโนโลยี จำกัด หนึ่งในบริษัทของนายวรวีร์ ที่ถูกนายทะเบียนขีดชื่อออกจากทะเบียนเป็นบริษัทร้าง เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2536
การโอนหุ้นไปให้กับบุคคลอื่นข้างต้นของ “บังยี” เกิดขึ้นหลังเข้ารับตำแหน่งเป็นผู้แทนการค้าไทย ในรัฐบาล ของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคม 2554 ที่ผ่านมา (มติ ครม.วันที่ 30 สิงหาคม 2554) เท่ากับการโอนหุ้นบริษัท บี เอ็น ดับบลิว ดีเวลลอปเปอร์ จำกัด เกิดขึ้นหลังจากได้รับแต่งตั้งเป็นผู้แทนการค้าไทย 2 เดือน และการโอนหุ้นอีก 3 บริษัทหลังจากได้รับแต่งตั้งเป็นผู้แทนการค้าไทยประมาณ 3 เดือน ดังนั้น บัญชีแสดงรายการทรัพย์สินที่ นายวรวีร์ ยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีรับตำแหน่งผู้แทนการค้าไทย ปรากฏรายการถือครองทรัพย์สินส่วนนี้หรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องหาคำตอบจากคำอธิบายของ วรวรี มะกูดี ต่อไป
หมายเหตุ : ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org)
ได้รับความไว้วางใจให้นั่งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เป็นสมัยที่ 3 นับตั้งแต่สืบทายาทจาก วิจิตร เกตุแก้ว เมื่อ พ.ศ.2550 ทว่า ผลงานของ วรวีร์ มะกูดี ยังไม่เข้าตาแฟนลูกหนัง จากผลงานของฟุตบอลทีมชาติไทยที่สาละวันเตี้ยลง กอปรกับการดำเนินการจัดการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพครั้งแรกแดนสยามอย่าง “ไทยพรีเมียร์ลีก” ส่งกลิ่นอะไรบางอย่างออกมา ทำให้มีหลายฝ่ายเริ่มซักไซ้ไล่เรียงหาความจริงจากมุมที่เคยถูกปิดไว้มาโดยตลอด
ในส่วนของ “บิ๊กเน” เนวิน ชิดชอบ ได้ร่วมกับสมาชิกจาก 18 สโมสร จัดตั้งเป็น “ภาคีสโมสรไทยพรีเมียร์ลีก” เพื่อเตรียมยื่นหนังสือขอสำเนาสัญญาและสอบถามนโยบายการบริหารบริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด นี่ถือเป็นการโดนตรวจสอบอีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ “บังยี” เคยเป็นข่าวไปทั่วโลกเจอ ลอร์ด เดวิด ทริสแมน อดีตประธานสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอฟ) กล่าวหาว่าเรียกร้องสินบนจากการลงคะแนนเสียงให้อังกฤษลุ้นเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2018 แต่ภายหลังรอดตัวมาได้หวุดหวิด
มาล่าสุด วรวรี มะกูดี ซึ่งได้รับความไว้วางใจจาก “รัฐบาลปู” น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่งตั้งให้เป็น “ผู้แทนการค้าไทย” เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ปีที่ผ่านมา เจอแฉหลักฐานสำคัญ เนื่องจากสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจสอบพบว่า “บังยี” มีการผ่องถ่ายทรัพย์สิน? แจ้งลาออกกรรมการ-โอนหุ้นพรวดเดียว 4 บริษัท ให้คนใกล้ชิดหลังรับตำแหน่งผู้แทนการค้าไทยแค่ 2-3 เดือน
ซึ่งรายงานจากการตรวจสอบข้อมูลการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเอกชน 4 แห่งของนายวรวีร์ ที่ยังดำเนินกิจการ ได้แก่ 1.บริษัท เบนซ์เมืองมีน จำกัด 2.บริษัท บี เอ็น เอ ดับบลิว ดีเวลลอปเปอร์ จำกัด 3.บริษัท วอร์ม จำกัด และ 4.บริษัท เอ อี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) พบว่า “บังยี” ได้ยื่นขอลาออกจากกรรมการ และโอนหุ้นทั้งหมดไปให้กับบุคคลคนเดียวทั้งหมด คือ นายชาญ เกียรติศิลปิน
ทั้งนี้ ในส่วนของบริษัท บี เอ็น ดับบลิว ดีเวลลอปเปอร์ จำกัด ได้ทำเรื่องถึงกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2549 เพื่อขอเปลี่ยนแปลงตัวกรรมการบริษัท โดย นายวรวีร์ ได้ลาออกจากการเป็นกรรมการ และมี นายวอง ยี ยิม เข้ามาเป็นกรรมการรายใหม่ จากนั้นวันที่ 4 พฤศจิกายน 2554 นายวอง ยี ยิม ในฐานะกรรมการ ได้ส่งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นใหม่ มีการเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้น จากเดิมที่จัดส่งไว้เมื่อปี 2545 เพียงรายเดียว คือ ในส่วนของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ จากชื่อ นายวรวีร์ เป็น นายชาญ เกียรติศิลปิน แทน ต่อเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2554 บริษัท เบนซ์เมืองมีน จำกัด บริษัท วอร์ม จำกัด และบริษัท เอ อี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ได้ทำเรื่องขอเปลี่ยนแปลงตัวกรรมการ และผู้ถือหุ้นรายใหญ่ จาก นายวรวีร์ เป็น นายชาญ เกียรติศิลปิน แทนเช่นกัน
โดยสัดส่วนการถือครองหุ้นที่นายวรวีร์ ถือครองอยู่ในบริษัทเอกชน 4 แห่ง แบ่งเป็น บริษัท บี เอ็น ดับบลิว ดีเวลลอปเปอร์ จำกัด จำนวน 8,000 หุ้น หุ้นละ 100 บาท คิดเป็นมูลค่า 800,000 บาท บริษัท เบนซ์เมืองมีน จำกัด จำนวน 19,500 หุ้น หุ้นละ 100 บาท คิดเป็นมูลค่า 1,950,000 บาท บริษัท วอร์ม จำกัด จำนวน 4,000หุ้น หุ้นละ 100 บาท คิดเป็นมูลค่า 400,000 บาท บริษัท เอ อี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 10,000 หุ้น หุ้นละ 100 บาท คิดเป็นมูลค่า 1,000,000 บาท รวมมูลค่าหุ้นที่ นายชาญ เกียรติศิลปิน ได้รับโอนไปจาก นายวรวีร์ เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 4,150,000 บาท (ดูตาราง)
จากการตั้งข้อสังเกตุของสำนักข่าวอิศรา แม้ “บังยี” ลาออกจากการเป็นกรรมการ และผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทเอกชนทั้ง 4 แห่ง แต่ปัจจุบัน บริษัท วอร์ม จำกัด บริษัท เอ อี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท บี เอ็น ดับบลิว ดีเวลลอปเปอร์ จำกัด ยังใช้ที่อยู่เดียวกัน คือ เลขที่ 11/11 หมู่ที่ 1 ถนนเลียบวารี แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก กทม. เป็นสถานที่ตั้งบริษัท ซึ่งที่อยู่ดังกล่าว เป็นที่อยู่เดียวกันกับที่ปรากฏในบัตรประจำตัวประชาชน ของ นายวรวีร์ ที่ใช้ยื่นเรื่องต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ทั้ง 3 แห่ง ทั้งนี้ ที่อยู่เลขที่ 11/11 หมู่ที่ 1 ถนนเลียบวารี แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก กทม.ทั้งยังถูกระบุเป็นสถานที่ตั้งบริษัท เวสท์ อินเตอร์ฟอร์ม เทคโนโลยี จำกัด หนึ่งในบริษัทของนายวรวีร์ ที่ถูกนายทะเบียนขีดชื่อออกจากทะเบียนเป็นบริษัทร้าง เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2536
การโอนหุ้นไปให้กับบุคคลอื่นข้างต้นของ “บังยี” เกิดขึ้นหลังเข้ารับตำแหน่งเป็นผู้แทนการค้าไทย ในรัฐบาล ของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคม 2554 ที่ผ่านมา (มติ ครม.วันที่ 30 สิงหาคม 2554) เท่ากับการโอนหุ้นบริษัท บี เอ็น ดับบลิว ดีเวลลอปเปอร์ จำกัด เกิดขึ้นหลังจากได้รับแต่งตั้งเป็นผู้แทนการค้าไทย 2 เดือน และการโอนหุ้นอีก 3 บริษัทหลังจากได้รับแต่งตั้งเป็นผู้แทนการค้าไทยประมาณ 3 เดือน ดังนั้น บัญชีแสดงรายการทรัพย์สินที่ นายวรวีร์ ยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีรับตำแหน่งผู้แทนการค้าไทย ปรากฏรายการถือครองทรัพย์สินส่วนนี้หรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องหาคำตอบจากคำอธิบายของ วรวรี มะกูดี ต่อไป
หมายเหตุ : ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org)
