ฟิลิป บรู๊ค ประธาน ออล อิงแลนด์ คลับ ยืนยัน ในปี 2012 ผู้จัดศึกวิมเบิลดัน ได้ปรับเงินรางวัลรวมเพิ่มขึ้นอีก 10 เปอร์เซ็นต์ เป็น 16.1 ล้านปอนด์ (ประมาณ 800 ล้านปอนด์) ขณะที่มือรองที่ตกควอลิฟายรับเพิ่มเป็น 26 เปอร์เซ็นต์ ถือเป็นการปรับเงินรางวัลสูงสุดนับตั้งแต่ประสบความสำเร็จมายาวนานตั้งแต่ปี 1993
ประธาน ออล อิงแลนด์ คลับ เผยว่า ฝ่ายจัดแกรนด์สแลม วิมเบิลดัน 2012 ตกลงปรับเงินรางวัลเพิ่มขึ้นอีก 10 เปอร์เซ็นต์อย่างแน่นอน หลังจากที่ได้เดินทางเข้าหารือเรื่องนี้กับบรรดานักเทนนิสชื่อดังอย่าง แอนดี เมอร์เรย์ หวดชาวสกอต โนวิค โยโควิช มือ 1 โลกชาวเซิร์บ ราฟาเอล นาดาล มือ 2 ของโลกจากสเปน และ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ หวดชาวสวิส หลังรายการ โซนี อิริคส์สัน โอเพน ที่ อินเดียน เวลส์ สหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา
โดยในปีนี้ตำแหน่งแชมป์ในประเภทชายเดี่ยวและหญิงเดี่ยว จะได้เงินรางวัลเพิ่มขึ้นเป็น 1.15 ล้านปอนด์ (57 ล้านบาท) โดยมากว่าปีก่อน 50,000 ปอนด์ (ประมาณ 2.5 ล้านบาท) ขณะที่นักเทนนิสมือรองบ่อน ที่กระเด็นตกรอบคัดเลือกจากเดิมที่เคยรับเงินรางวัลเพียง 21 เปอร์เซ็นต์ ทางฝ่ายจัดได้เพิ่มขึ้นเป็น 26 เปอร์เซ็นต์ หรือเพิ่มขึ้นอีก 14,500 ปอนด์ (ประมาณ 725,000 บาท)
ผลจากการเปลี่ยนแปลงครึ่งนี้ ถือเป็นการปรับเงินรางวัลสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1993 และทำให้เงินรางวัลรวมจะสูงขึ้นอีก 10 เปอร์เซ็นต์ จากเดิม 14.6 ล้านปอนด์ (ประมาณ 730 ล้านบาท) เป็น 16.1 ล้านปอนด์ (ประมาณ 800 ล้านปอนด์)
“มีการร้องขอให้ผมไปพบกับพวกเขาที่ อินเดียน เวลส์ ซึ่งเราเคารพคำขอร้องของบรรดานักเทนนิสชั้นนำของโลก เขาเป็นนักกีฬาที่มีคุณภาพ และต้องการทำสิ่งถูกต้องเพื่อวงการกีฬา พวกเขาไม่ได้ขอให้เพิ่มเงินรางวัลมากขึ้น แต่พวกยอมรับว่า มันเป็นปัญหาสำหรับนักเทนนิสทุกคน และเป็นความชัดเจนที่นักหวดมือต่ำได้เงินน้อยกว่าเหล่าดาวดัง ท้ายที่สุดผมหวังว่าการเปลี่ยนแปลงครึ่งนี้ จะเป็นด้านบวกสำหรับทัวร์นาเมนต์ต่างๆ” ฟิลิป บรู๊ค กล่าว