คอลัมน์ ON TRACK / เด็กปั๊ม
ยังเดาไม่ออกจริงๆ ครับ ว่า นักขับคนไหน คือ เต็งหนึ่งแชมป์โลกเอฟวัน ประจำปี 2012 เพราะตั้งแต่ “เด็กปั๊ม” จำความได้ ยังไม่มีฤดูกาลไหน ที่การขับเคี่ยวในกลุ่มหัวแถวจะคู่คี่สูสีอะไรเช่นนี้ มีอย่างที่ไหนจาก 4 สนามแรกที่ผ่านพ้นไป มีนักขับ 4 คน จาก 4 ทีม สลับยืนแป้นโพเดียมชนิดไม่ซ้ำหน้ากันเลยทีเดียว
สัปดาห์ก่อนผมเองหยิบยกตัวเลขสถิติ 111 เรซ ที่รอคอยกว่าจะคว้าแชมป์กรังด์ปรีซ์แรกของนิโค รอสเบิร์ก มาฝากกันไปแล้ว มาถึงสัปดาห์นี้ แม้ว่า บาห์เรน กรังด์ปรีซ์ ที่มีประเด็นร้อนนอกสนามในเรื่องของกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาล แต่สุดท้ายก็ต้องบอกว่าผ่านพ้นไปด้วยดี กับชัยชนะครั้งแรกในปีนี้ของ เซบาสเตียน เวทเทล
ชัยชนะของ “หนุ่มเซ็บ” ที่บาห์เรน ทำให้สถิติเลข 4 ในเอฟวันเกิดขึ้นมากมายครับ โดยเฉพาะสถิติ 4 แชมป์ไม่ซ้ำหน้านั้น ก็ต้องบอกว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี ที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น โดยครั้งสุดท้ายที่มี 4 นักขับสลับยืนแป้นโพเดียมสูงสุดเกิดขึ้นในปี 2003 ที่ เดวิด คูลธาร์ด และ คิมี ไรค์โคเนน สองนักขับแม็คลาเลน คว้าแชมป์ได้ใน 2 สนามแรก ตามด้วย เจียนคาร์โล ฟิชิเคลลา (จอร์แดน) และ ไมเคิล ชูมัคเกอร์ (เฟอร์รารี) คว้าแชมป์ในสนามที่ 3 และ 4 ตามลำดับ ซึ่งสุดท้ายแล้วในปีนั้นเป็นฝ่าย “ชูมี่” ที่คว้าแชมป์โลกไปครอง
แต่หากลงลึกไปในรายละเอียดมากกว่านั้น เมื่อมองถึงสถิติของทีมผู้สร้างก็ต้องบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นใน 4 สนามแรกของปี 2012 ที่มี 4 นักขับจาก 4 ทีม สลับกันคว้าแชมป์นั้น ไม่เกิดขึ้นมานานถึง 29 ปีแล้วครับ เพราะครั้งสุดท้ายที่เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นก็ต้องย้อนไปไกลถึงปี 1983 กันเลยทีเดียว
โดยในปีนั้นถือเป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่การลุ้นแชมป์เอฟวันสูสีแบบสุดๆ โดยเฉพาะในการแข่งขัน 4 สนามแรกที่ เนลสัน ปิเก (บราบรัม), จอห์น วัตสัน (แม็คลาเรน), อแลง พรอสต์ (เรโนลต์) และ แพทริก แทมบี (เฟอร์รารี) สลับหน้ากันคว้าแชมป์ ยิ่งไปกว่านั้นในสนามที่ 5 ก็เป็น เกเก รอสเบิร์ก จากทีมวิลเลียมส์ ที่คว้าแชมป์ไปครอง ก่อนที่สุดท้าย ปิเก จะทำแต้มเฉือนพรอสต์ ซิวแชมป์โลกไปครองเพียงแค่ 2 คะแนนเท่านั้น
สถิติที่บาห์เรนยังไม่หมดเท่านี้ครับ เพราะ 4 คันแรกที่จบการแข่งขันเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาทั้ง เวทเทล (เรดบูลล์-เรโนลต์), ไรค์โคเนน (โลตัส-เรโนลต์), โรมอง โกรสชอง (โลตัส-เรโนลต์) และ มาร์ค เว็บเบอร์ (เรดบูลล์-เรโนลต์) ล้วนเป็นรถที่ใช้เครื่องยนต์เรโนลต์ทั้งสิ้น ซึ่งเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นครั้งล่าสุดในปี 1977 ในศึกลักแซมเบิร์ก จีพี โดยในครั้งนั้นอันดับ 1-4 ประกอบไปด้วย ฌัคส์ วิลเนิร์ฟ (วิลเลียมส์-เรโนลต์), ฌอง อเลซี (เบเนตอง-เรโนลต์) ไฮน์-ฮาราล์ด เฟรนเซน (วิลเลียมส์-เรโนลต์) และ เกฮาร์ด เบอร์เกอร์ (เบเนตอง-เรโนลต์)
นอกจากนี้ อีกหนึ่งสถิติเลข 4 ที่น่าสนใจ คือ ผลงานของ มาร์ค เว็บเบอร์ นักขับเรดบูลล์ ที่ไม่รู้บังเอิญหรือตั้งใจ ด้วยการคว้าอันดับที่ 4 ได้ถึง 4 สนามติดต่อกันนับจากออกสตาร์ทฤดูกาล ซึ่งก่อนหน้านี้ มีนักขับเพียง 4 คน ที่เคยทำสถิติแปลกๆ เช่นนี้ได้
ปิดท้ายสถิติเลข 4 คงต้องย้อนกลับไปที่พ่อหนุ่มเซ็บ ที่ทำแฮตทริก (โพลโพสซิชัน, ทำเวลาต่อรอบเร็วที่สุด หรือ fastest lap และคว้าแชมป์ได้) ภายในเรซเดียวได้เป็นครั้งที่ 4 ในชีวิต หลังเคยทำได้มาแล้วในศึกบริติช จีพี 2009 รวมถึงอีก 2 เรซ ที่ บาเลนเซีย และ อินเดีย ในปี 2011
ซึ่งจะว่าไปแล้ว หากดูจากฟอร์มของทีมโลตัส-เรโนลต์ รวมถึงความเร็วของ คิมี ไรค์โคเนน ในเรซล่าสุดที่บาห์เรน ที่เกือบจะแซงเวทเทลได้ และพลาดเพียงการเปลี่ยนยางในพิตครั้งสุดท้าย ก็ทำเป็นเล่นไปเหมือนกันที่เอฟวันสนามต่อไป อาจมีแชมป์จากที่ 5 อย่างโลตัสฯก็เป็นได้ ใครจะไปรู้
ยังเดาไม่ออกจริงๆ ครับ ว่า นักขับคนไหน คือ เต็งหนึ่งแชมป์โลกเอฟวัน ประจำปี 2012 เพราะตั้งแต่ “เด็กปั๊ม” จำความได้ ยังไม่มีฤดูกาลไหน ที่การขับเคี่ยวในกลุ่มหัวแถวจะคู่คี่สูสีอะไรเช่นนี้ มีอย่างที่ไหนจาก 4 สนามแรกที่ผ่านพ้นไป มีนักขับ 4 คน จาก 4 ทีม สลับยืนแป้นโพเดียมชนิดไม่ซ้ำหน้ากันเลยทีเดียว
สัปดาห์ก่อนผมเองหยิบยกตัวเลขสถิติ 111 เรซ ที่รอคอยกว่าจะคว้าแชมป์กรังด์ปรีซ์แรกของนิโค รอสเบิร์ก มาฝากกันไปแล้ว มาถึงสัปดาห์นี้ แม้ว่า บาห์เรน กรังด์ปรีซ์ ที่มีประเด็นร้อนนอกสนามในเรื่องของกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาล แต่สุดท้ายก็ต้องบอกว่าผ่านพ้นไปด้วยดี กับชัยชนะครั้งแรกในปีนี้ของ เซบาสเตียน เวทเทล
ชัยชนะของ “หนุ่มเซ็บ” ที่บาห์เรน ทำให้สถิติเลข 4 ในเอฟวันเกิดขึ้นมากมายครับ โดยเฉพาะสถิติ 4 แชมป์ไม่ซ้ำหน้านั้น ก็ต้องบอกว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี ที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น โดยครั้งสุดท้ายที่มี 4 นักขับสลับยืนแป้นโพเดียมสูงสุดเกิดขึ้นในปี 2003 ที่ เดวิด คูลธาร์ด และ คิมี ไรค์โคเนน สองนักขับแม็คลาเลน คว้าแชมป์ได้ใน 2 สนามแรก ตามด้วย เจียนคาร์โล ฟิชิเคลลา (จอร์แดน) และ ไมเคิล ชูมัคเกอร์ (เฟอร์รารี) คว้าแชมป์ในสนามที่ 3 และ 4 ตามลำดับ ซึ่งสุดท้ายแล้วในปีนั้นเป็นฝ่าย “ชูมี่” ที่คว้าแชมป์โลกไปครอง
แต่หากลงลึกไปในรายละเอียดมากกว่านั้น เมื่อมองถึงสถิติของทีมผู้สร้างก็ต้องบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นใน 4 สนามแรกของปี 2012 ที่มี 4 นักขับจาก 4 ทีม สลับกันคว้าแชมป์นั้น ไม่เกิดขึ้นมานานถึง 29 ปีแล้วครับ เพราะครั้งสุดท้ายที่เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นก็ต้องย้อนไปไกลถึงปี 1983 กันเลยทีเดียว
โดยในปีนั้นถือเป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่การลุ้นแชมป์เอฟวันสูสีแบบสุดๆ โดยเฉพาะในการแข่งขัน 4 สนามแรกที่ เนลสัน ปิเก (บราบรัม), จอห์น วัตสัน (แม็คลาเรน), อแลง พรอสต์ (เรโนลต์) และ แพทริก แทมบี (เฟอร์รารี) สลับหน้ากันคว้าแชมป์ ยิ่งไปกว่านั้นในสนามที่ 5 ก็เป็น เกเก รอสเบิร์ก จากทีมวิลเลียมส์ ที่คว้าแชมป์ไปครอง ก่อนที่สุดท้าย ปิเก จะทำแต้มเฉือนพรอสต์ ซิวแชมป์โลกไปครองเพียงแค่ 2 คะแนนเท่านั้น
สถิติที่บาห์เรนยังไม่หมดเท่านี้ครับ เพราะ 4 คันแรกที่จบการแข่งขันเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาทั้ง เวทเทล (เรดบูลล์-เรโนลต์), ไรค์โคเนน (โลตัส-เรโนลต์), โรมอง โกรสชอง (โลตัส-เรโนลต์) และ มาร์ค เว็บเบอร์ (เรดบูลล์-เรโนลต์) ล้วนเป็นรถที่ใช้เครื่องยนต์เรโนลต์ทั้งสิ้น ซึ่งเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นครั้งล่าสุดในปี 1977 ในศึกลักแซมเบิร์ก จีพี โดยในครั้งนั้นอันดับ 1-4 ประกอบไปด้วย ฌัคส์ วิลเนิร์ฟ (วิลเลียมส์-เรโนลต์), ฌอง อเลซี (เบเนตอง-เรโนลต์) ไฮน์-ฮาราล์ด เฟรนเซน (วิลเลียมส์-เรโนลต์) และ เกฮาร์ด เบอร์เกอร์ (เบเนตอง-เรโนลต์)
นอกจากนี้ อีกหนึ่งสถิติเลข 4 ที่น่าสนใจ คือ ผลงานของ มาร์ค เว็บเบอร์ นักขับเรดบูลล์ ที่ไม่รู้บังเอิญหรือตั้งใจ ด้วยการคว้าอันดับที่ 4 ได้ถึง 4 สนามติดต่อกันนับจากออกสตาร์ทฤดูกาล ซึ่งก่อนหน้านี้ มีนักขับเพียง 4 คน ที่เคยทำสถิติแปลกๆ เช่นนี้ได้
ปิดท้ายสถิติเลข 4 คงต้องย้อนกลับไปที่พ่อหนุ่มเซ็บ ที่ทำแฮตทริก (โพลโพสซิชัน, ทำเวลาต่อรอบเร็วที่สุด หรือ fastest lap และคว้าแชมป์ได้) ภายในเรซเดียวได้เป็นครั้งที่ 4 ในชีวิต หลังเคยทำได้มาแล้วในศึกบริติช จีพี 2009 รวมถึงอีก 2 เรซ ที่ บาเลนเซีย และ อินเดีย ในปี 2011
ซึ่งจะว่าไปแล้ว หากดูจากฟอร์มของทีมโลตัส-เรโนลต์ รวมถึงความเร็วของ คิมี ไรค์โคเนน ในเรซล่าสุดที่บาห์เรน ที่เกือบจะแซงเวทเทลได้ และพลาดเพียงการเปลี่ยนยางในพิตครั้งสุดท้าย ก็ทำเป็นเล่นไปเหมือนกันที่เอฟวันสนามต่อไป อาจมีแชมป์จากที่ 5 อย่างโลตัสฯก็เป็นได้ ใครจะไปรู้