ASTVผู้จัดการรายวัน - การประกาศถอนตัวของบริษัทสยามสปอร์ต ซินดิเคท (มหาชน) จากการเป็นผู้ดูแลสิทธิประโยชน์ทั้งหมดของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เมื่อวันพุธที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา ดูเหมือนจะทำให้ภาพความขัดแย้งระหว่างสมาคมฟุตบอลฯ กับ นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ โดยสื่อหัวใหญ่วงการกีฬาได้ชื่อว่ามีความสัมพันธ์อันดีกับทางสมาคมลูกหนังไทยมาช้านาน ขณะที่ฝ่ายหลังมีกระแสข่าวว่าเป็นแกนนำคนสำคัญในการตรวจสอบความไม่โปร่งใสของบริษัทไทยพรีเมียร์ลีก และสมาคมฟุตบอลมาโดยตลอด ซึ่งเมื่อมองตามตัวละครที่ออกมาแสดงบทบาท นี่เป็นอาจเพียงแค่ฉากเริ่มต้นของการวัดบารมีระหว่างสองขั้วอำนาจในวงการฟุตบอลไทย
โดยสาระสำคัญในประกาศขอถอนตัวออกจากหน้าที่ผู้ดูแลสิทธิประโยชน์ฟุตบอลอาชีพปี 2555 ของสยามสปอร์ตนั้น ถูกเผยแพร่จากสื่อทุกแขนงไปแล้วเมื่อวันพุธที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา หากแต่ข้อความที่ระบุว่า “แต่ก็ยังมีการนำไปเป็นประเด็นให้เป็นที่เคลือบแคลงต่อสังคมอย่างไม่จบสิ้น” ดูเหมือนจะเป็นการเปิดเผยจากตัวอักษรอย่างชัดเจนว่า สยามสปอร์ต ไม่พอใจกับการถูกตรวจสอบจึงตัดสินใจถอนตัวชนิดสายฟ้าแลบ และทำให้เกิดคำถามจากสังคม และฝ่ายที่กำลังทำหน้าที่ตรวจสอบชนิดกัดไม่ปล่อยอย่างนายเนวิน ชิดชอบ ทันที
“ผมก็รู้สึกแปลกใจว่าทำไมเขาจึงเลิกง่ายๆ อย่างนั้น ส่วนตัวผมไม่ได้มีปัญหากับบริษัทสยามสปอร์ตอยู่แล้ว ถึงเขาจะเลิกทำ แต่ผมก็ยังต้องพยายามตรวจสอบให้ทุกอย่างมีความโปร่งใสอยู่ดี ยังไงก็ไม่ยอมง่ายๆ ไม่ใช่ว่าสยามสปอร์ตเลิกทำ ผมก็เลิกตรวจ เพราะสิ่งที่ผมต้องการคือความจริงจากบริษัทไทยพรีเมียร์ลีกมากกว่า” นอกจากนี้ นายเนวิน ยังฝากคำถามไปยังบริษัทไทยพรีเมียร์ลีกว่า การถอนตัวของสยามกีฬา จะกระทบต่อสปอนเซอร์ที่ให้การสนับสนุนมากน้อยแค่ไหน ขณะเดียวกัน การถ่ายทอดของทรูวิชั่นส์จะมีปัญหาตามมาภายหลังหรือไม่
คำถามของนายเนวิน ลอยตามสายลมไปได้ไม่นาน นายองอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยได้ออกมาให้คำตอบว่า “การถอนสิทธิของ สยามสปอร์ตฯ จะไม่มีผลกระทบใดๆ กับสมาคมฟุตบอลแน่นอน โดยขณะนี้ เรื่องการดูแลสิทธิประโยชน์และสปอนเซอร์ที่ให้การสนับสนุนก่อนหน้าได้กลับคืนมาอยู่ที่สมาคมฟุตบอลเป็นที่เรียบร้อย แต่ผมก็ยังไม่ทราบถึงรายละเอียดที่แน่ชัด คงต้องรอประชุมใหญ่ในวันที่ 20 เม.ย. นี้อีกที ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่าทางสมาคมอาจจะจ้างให้ บ.สยามสปอร์ต ทำต่อก็เป็นได้ เพราะถือว่าเคยให้ความช่วยเหลือทางสมาคมมาตั้งแต่แรก ตั้งแต่สมัยที่ฟุตบอลลีกไทยยังไม่เป็นที่นิยมเช่นนี้”
คำตอบจากปากแม่บ้านสมาคมฯ ดูเหมือนจะยังเหลือเยื่อใยอันดีอยู่กับทาง สยามสปอร์ตฯ อยู่มากแถมยังเปิดช่องว่างเพื่อเปิดโอกาสให้สยามกีฬา ได้กลับมาทำหน้าที่เดิมต่อไป หากแต่คำตอบของ “บิ๊กเปี๊ยก” อาจไม่ใช่คำตอบสุดท้าย เพราะนี่คือการวัดพลังระหว่างสมาคมลูกหนัง กับนายเนวิน ชิดชอบ อดีตนักการเมืองผู้มีซูเปอร์คอนเนกชันอยู่ทั่วทุกวงการ
ล่าสุด จากโต๊ะประชุมคณะกรรมาธิการการกีฬา วุฒิสภาเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 12 เมษายน นางนฤมล ศิริวัฒน์ ในฐานะประธานชุดดังกล่าวเตรียมเรียกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และผู้เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงกรณีปัญหาการถอนตัวจากผู้ดูแลสิทธิประโยชน์ของการแข่งขันฟุตบอล โดยกล่าวผ่านสื่อว่า “ทางเราสามารถเรียกผู้เกี่ยวข้องเข้ามาพูดคุยได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องมีใครร้องเรียน ไม่ว่าจะเป็น สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย, บริษัทไทยพรีเมียร์ลีก หรือแม้แต่สโมสรที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเรื่องนี้ทางเราคิดว่าควรจะต้องเร่งทำให้เร็วที่สุด เพราะเป็นปัญหาที่เกี่ยวพันกับหลายด้าน และโดยความเป็นจริงแล้ว บริษัทไทยพรีเมียร์ลีก ไม่ควรที่จะให้ใครเข้ามาดูแลเรื่องสิทธิประโยชน์ แต่ควรจะให้สโมสรที่เข้าแข่งเป็นคนดูแลเองมากกว่า เพราะเป็นผู้มีส่วนได้-ส่วนเสียกับเรื่องนี้มากที่สุด”
จากสถานการณ์ในเวลานี้ดูเหมือนว่า ทั้งฝ่ายจ้องตรวจ และฝ่ายถูกตรวจสอบ ยังไม่มีใครเพลี่ยงพล้ำถูกยิงประตูนำไปก่อน เพราะต่างก็งัดเอากลยุทธ์ที่มีอยู่ในมือออกมาสู้อย่างเต็มที่ ส่วนใครจะใช้กำลังภายในได้มากกว่ากัน ศึกลูกหนังนอกสนามครั้งนี้อาจต้องวัดยาวจนถึงทดเวลาเจ็บ เพราะเดิมพันครั้งนี้อาจหมายถึงการได้ครองอำนาจในสมาคมกีฬาที่ได้ชื่อว่า มีอิทธิพล และผลประโยชน์มากที่สุดในเมืองไทย