“บิ๊กเน” เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แถลงการผ่านเว็บไซต์ของทีม เรียกร้องให้ประชาชนชาวไทยร่วมกัน และยินดีที่จะให้การสนับสนุน ให้ความร่วมมือกับแฟนฟุตบอลทุกท่าน หน่วยงานหรือองค์กรใดๆ ก็ตาม ที่จะเข้ามาค้นหาความจริงกรณีทุจริตด้านผลประโยชน์ในวงการฟุตบอลไทย เผย กำลังตรวจสอบเอกสารบางอย่างอยู่ ถ้าผิดจริงพร้อมแฉทันที ไม่มี “ฮั้ว” แน่นอน
หลังจากที่ นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เรียกร้องให้ บริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก ออกมาชี้แจงเรื่องสิทธิประโยชน์จากการถ่ายทอดสด หลังมีความเคลือบแคลงใจ ว่า อาจจะมีความไม่โปร่งใส จน นายอดิศัย วารินทร์ศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ได้ออกมาชี้แจงเมื่อวันที่ 5 เม.ย.2555 จนทั้งสองฝ่ายได้เกิดกรณีข้อพิพาทกันระหว่างกัน
ล่าสุด เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2555 “บิ๊กเน” เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้แถลงการผ่านเว็บไซต์ของทีมเพื่อเรียนแฟนฟุตบอลชาวไทย และสำเนาถึง ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานบริษัทไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด พร้อมด้วย นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยใจความในจดหมายได้ระบุว่า
จากกรณีที่ผู้บริหารบริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ได้ชี้แจงถึงการบริหารจัดการสิทธิประโยชน์ การแข่งขันฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก การจัดหารายได้ และ ค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งการชี้แจงด้วยวาจา โดยคุณระวิ โหลทอง การชี้แจงผ่านหนังสือพิมพ์สยามกีฬา และ สื่อในเครือสยามสปอร์ต และการแถลงข่าวโดย นายอดิศัย วารินทร์ศิริกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) รวม 3 ครั้ง ซึ่งทั้ง 3 ครั้ง มีการกล่าวอ้างว่า เป็นการตอบข้อสงสัยที่ผมเป็นผู้ตั้งคำถาม และยืนยันว่า จะไม่ชี้แจงประเด็นต่างๆ ในที่ประชุมผู้บริหารสโมสร ที่ส่งทีมเข้าแข่งขันรายการไทยพรีเมียร์ลีก ในวันที่ 23 เมษายน นี้ ตามที่ผมนัดหมาย ดังที่ปรากฏทางสื่อในเครือสยามสปอร์ตแล้วนั้น
ผมขอเรียนชี้แจงเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องต่อแฟนฟุตบอลชาวไทย และขอชี้แจงไปยัง ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานบริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด คุณวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และผู้บริหารบริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ตลอดจนบริษัทในเครือ และสื่อมวลชนทั่วไป ที่ให้ความสนใจติดตามกรณีการบริหารจัดการสิทธิประโยชน์ ที่เกิดขึ้นจากการแข่งขันฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก ดังนี้
1.ผมไม่ใช่ “คู่กรณี” กับบริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) และ บริษัทในเครือสยามสปอร์ต แต่ผมเป็น “คู่ค้า” ในฐานะลูกค้าที่ซื้อพื้นที่โฆษณาประชาสัมพันธ์สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในหนังสือพิมพ์สยามกีฬา ในโอกาสต่างๆ และจ้างบริษัทในเครือสยามสปอร์ต ผลิตรายการธันเดอร์โซน ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมของบริษัทในเครือสยามสปอร์ต ซึ่งปัจจุบันนี้ ก็ยังคงใช้บริการของบริษัทในเครือสยามสปอร์ต อยู่
2.ผมไม่เคยเรียกร้องให้บริษัทสยามสปอร์ตฯ ชี้แจงประเด็นข้อสงสัยของผมทั้งเป็นการส่วนตัว หรือในนามสโมสร แม้แต่ในที่ประชุมผู้บริหารสโมสร ทั้งครั้งที่ผ่านมา ผมก็ไม่เคยพาดพิงถึงบริษัท สยามสปอร์ตฯ มาก่อน แต่ได้ร้องขอให้ ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ในฐานะประธานบริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด ชี้แจง แต่ก็ไม่ได้คำตอบ จนกระทั่งผู้บริหารบริษัท สยามสปอร์ตฯ ชี้แจงว่า เป็นผู้บริหารจัดการสิทธิประโยชน์ทั้งหมด แต่เพียงผู้เดียว ซึ่งผมเชื่อว่าเป็นข้อมูลใหม่ที่แฟนฟุตบอลส่วนใหญ่ ก็เพิ่งทราบเช่นกัน
3.ผมเคารพสิทธิของบริษัท สยามสปอร์ตฯ ซึ่งไม่มีความจำเป็นใดๆ ต้องมาชี้แจงข้อสงสัยของผม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดๆ ก็ตาม เพราะผมไม่อาจก้าวล่วงสิทธิของบริษัทได้ เพียงแต่ในฐานะประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ผมเสนอแนะด้วยความปรารถนาดี ว่าเพื่อให้แฟนฟุตบอล ซึ่งกำลังมีคำถามมากมายในหัวใจ อยู่เวลานี้ มีความเข้าใจดีขึ้น ผู้มีหน้าที่ทุกคน ควรจะนำเอกสารหลักฐานประกอบการทำงาน มาชี้แจง มาแสดงเพื่อให้ผู้ที่ความสงสัย สิ้นสงสัย แต่ก็เป็นสิทธิของผู้มีหน้าที่ทุกคน ว่า จะชี้แจงหรือไม่ จะตอบคำถามหรือไม่ ไม่มีใครไปบังคับได้ และผมก็ไม่เคยเชิญบริษัท สยามสปอร์ตฯ ไปให้ข้อมูลในการประชุมผู้บริหารสโมสร ในวันที่ 23 เมษายน 2555 ด้วย ผมเห็นว่า ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานบริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด ควรจะเป็นผู้ให้คำตอบได้ดีที่สุด ในทุกเรื่อง ทุกกิจกรรม ที่เกี่ยวกับการการแข่งขันฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก ไม่ใช่บริษัท สยามสปอร์ตฯ
4.ผมพร้อมและยินดีที่จะรับฟังคำชี้แจง และแลกเปลี่ยนแนวทางการพัฒนาวงการฟุตบอลไทย กับ ทุกท่านที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น บริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และ บริษัท สยามสปอร์ตฯ แต่ขอให้เป็นเวทีที่ บริษัทไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด หรือ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จัดขึ้น โดยมีสโมสรสมาชิก สื่อมวลชน และ แฟนฟุตบอล มีโอกาส เข้าร่วมอย่างเปิดเผย ทั้งนี้ ขอความกรุณาแจ้งล่วงหน้า และกำหนดวันที่ไม่ติด หรือ เป็นวันเดียวกับที่สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ต้องแข่งขันฟุตบอล ทั้งรายการไทยพรีเมียร์ลีก และ AFC แชมเปียนส์ลีก
5.ผมเชื่อว่า ประเด็นคำถามที่เกิดขึ้นในที่ประชุมผู้บริหารสโมสรว่าด้วย “เงินรายได้ไทยพรี เมียร์ลีก หายไปไหน” และประเด็นคำถามที่เกี่ยวเนื่องหลังจากผู้บริหารบริษัท สยามสปอร์ตฯ ชี้แจงแล้ว รวม 3 ครั้ง จะไม่จางหายไปกับกาลเวลา ตามที่มีผู้ต้องการ ไม่ว่าผมจะเป็นผู้นำเสนอประเด็น หรือทวงถามคำตอบหรือไม่ เพราะประเด็นเหล่านี้ เป็นประเด็นคำถามที่แฟนฟุตบอล มีข้อสงสัยกันมานานแล้ว และให้ความสนใจค้นหาความจริงกันตลอดมา ดังนั้น ตราบใดที่ความจริงยังไม่ถูกเปิดเผย ยังมีผู้ปกปิดความจริง การค้นหาความจริงของแฟนฟุตบอล ก็จะดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง เพราะประเด็นคำถามเหล่านี้ เป็นประเด็นคำถามสาธารณะที่เกิดขึ้นเพราะความไม่เชื่อถือ ไม่ไว้วางใจของแฟนฟุตบอล ซึ่งกำลังพัฒนาไปสู่การจับทุจริตคอรัปชั่น ในวงการฟุตบอลไทย ของแฟนฟุตบอล ไม่ใช่ประเด็นส่วนตัวระหว่างผม กับ บริษัทไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และ บริษัท สยามสปอร์ตฯ แต่ประการใด
6.ผมตระหนักดีว่า ผมเพิ่งเข้าสู่วงการฟุตบอลไทย มาเพียงไม่กี่ปี แต่ผมมีความตั้งใจจริงที่จะพัฒนาวงการฟุตบอล และเมื่อได้พบเห็นความไม่ถูกต้อง ความไม่ปกติ ไม่ชอบมาพากล ผมจำเป็นต้องพูด เพื่อเตือนให้ผู้กำลังกระทำความไม่ถูกต้อง หยุดการกระทำนั้น ซึ่งผมมั่นใจว่าผมมีเจตนาดีเพื่อส่วนรวม ผมไม่มีปัญหาส่วนตัว หรือ ความขัดแย้งระหว่างผมกับบริษัทสยามสปอร์ตฯ เพราะผมไม่มีผลประโยชน์ใดๆ กับการหารายได้ และลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด จึงขอความกรุณาทุกท่านที่มีสื่อในมือ ได้โปรดอย่าดูถูกแฟนฟุตบอล ว่า เป็นคนโง่ หรือ รู้น้อย รู้ไม่เท่าทัน พวกท่าน เมื่อท่านชี้แจงแล้ว ยังมีผู้ที่ไม่เข้าใจ ท่านควรจะชี้แจงให้เขาเข้าใจ ให้ได้ ไม่ควรเบี่ยงเบนประเด็นว่าเป็นความขัดแย้งส่วนตัวระหว่างผม กับ “เจ้านายของท่าน” แล้วพิพากษาว่า แฟนฟุตบอลที่ยังมีคำถามต่อเนื่อง เป็นคนโง่ จึงไม่เข้าใจเจตนาดีของท่าน แม้ว่าท่านจะมีเจตนาดีเท่าใดก็ตาม แต่หากการกระทำของท่านทำให้ผู้อื่นเข้าใจเป็นอื่นได้ เจตนาดีของท่าน ก็ไร้คุณค่า ไม่มีประโยชน์ต่อส่วนรวม
7.สำหรับคอลัมนิสต์บางท่าน ที่เขียนถึง “ใคร” คนหนึ่ง โดยมีเจตนาให้ผู้อ่านเข้าใจว่าเป็น ผม นั้น ขอความกรุณาให้เขียนอย่างตรงไปตรงมา ลูกผู้ชาย ต้อง กล้าทำ กล้ารับ อย่าเป็นอีแอบ เมื่อกล้ากล่าวหาผม แล้ว ก็ควรกล้าเปิดเผยหลักฐาน ว่า ผมได้นักฟุตบอลคนใด จากสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด มาฟรีๆ ผมขอเรียนว่า ผมได้นักฟุตบอลจากสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด จริง แต่ ซื้อมา และ จ่ายเงิน ทุกคน ไม่เคยขอฟรี และไม่เคยได้ฟรี แม้แต่คนเดียว หากไม่รู้จริง ไม่ควรนำมากล่าวหาผู้อื่น ให้ได้รับความเสียหาย เพราะเท่ากับเป็นการดูถูก ไม่ให้เกียรติสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด และ ไม่ให้เกียรติต่อต้นสังกัดของท่านด้วย ผมขอยืนยันว่า สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มีเอกสารการชำระเงิน ครบถ้วนทุกกรณี ดังนั้น ท่านควรจะไปตรวจสอบเอกสารที่สโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด ก่อนที่จะกล่าวหาใคร
8.ผมในฐานะประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พร้อมและยินดีที่จะให้การสนับสนุน ให้ความร่วมมือกับแฟนฟุตบอลทุกท่าน หน่วยงาน องค์กรใดๆ ก็ตาม ที่จะเข้ามาค้นหาความจริงที่เกิดขึ้น ทั้งที่เกิดขึ้นในอดีต และกำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน เพื่อนำไปสู่การจัดระเบียบ จัดระบบ การพัฒนาวงการฟุตบอลไทย ให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยความถูกต้อง โปร่งใส และแฟนฟุตบอลสามารถตรวจสอบได้ ทั้งนี้ เพื่อสร้างศรัทธาของแฟนฟุตบอล และ ประชาชนทั่วไป ที่กำลังจับตามองวงการฟุตบอลไทย อยู่ในขณะนี้
9.ผมขอเรียนว่า ผมกำลังตรวจสอบเอกสารหลักฐานบางประการอยู่ หากตรวจสอบได้ว่าเป็นความจริง และทำให้วงการฟุตบอลไทย ได้รับความเสียหาย ผมจะนำมาเปิดเผยต่อแฟนฟุตบอล ทุกท่าน ให้ได้รับทราบ แม้ว่าจะส่งผลกระทบต่อบุคคลที่เคารพกัน รู้จักกัน ก็จำเป็นต้องกระทำ เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม ขอเรียนให้แฟนฟุตบอลทุกท่าน ทราบว่า ผมจะไม่หยุดค้นหาความจริง และ จะไม่มีการ “ฮั้ว” หรือ “สมยอม” กับใครทั้งสิ้น หากแฟนฟุตบอลท่านใด มีเอกสารหลักฐาน หรือ ข้อมูล ที่จะนำมาร่วมกันค้นหาความจริง ติดต่อผมได้ตลอดเวลา ผมพร้อมให้ความร่วมมือกับทุกท่าน เพื่อความโปร่งใสของวงการฟุตบอลไทย
เครดิต www.burirampea.com