นิทาน “บาโลเตลลี” ตอนจบกอดคอตาย

เอเยนซี-มาริโอ บาโลเตลลี กำลังจะเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี วืดแชมป์ พรีเมียร์ชิป เพราะก่อเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน ทั้งที่เป็นช่วงเข้าด้ายเข้าเข็ม 100 เมตรสุดท้าย ต้องควบทำแต้มไล่จี้จ่าฝูง แน่นอนว่า สโมสรเงินถุงเงินถังของโลกภายใต้เม็ดเงินสนับสนุนจากเจ้าของชาวสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ การจบฤดูกาลแบบมือเปล่า ถือเป็นหายนะ และคงมีการโละนักเตะครั้งใหญ่ช่วงซัมเมอร์นี้ ซึ่งกองหน้าชาวอิตาเลียนคงมีชื่ออยู่ในบัญชีนี้ด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย

ข้อหากระทงล่าสุดของ บาโลเตลลี คือ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 เมษายน ที่ผ่านมา เกมชี้เป็นชี้ตาย หลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฉีกนำ 8 แต้ม โดยได้รับความไว้วางใจให้ลงล่าตาข่าย แต่กลับทำให้เกมของ แมนฯซิตี เสียขบวนด้วยการเข้าบอลคาบลูกคาบดอกจนเกือบโดนใบแดง ตั้งแต่ต้นที่เสียบหนักใส่ อเล็กซ์ ซง สุดท้ายไม่รอดรับใบเหลืองที่ 2 ช่วงท้ายเกม มิหนำซ้ำยังถูก โรแบร์โต มันชินี ออกมาโหวกเหวกข้างสนามให้เร่งฝีเท้าออกจากสนาม เพราะตอนนั้นทดเจ็บ 4 นาที อาจจะตีเสมอได้ สุดท้ายไม่รอดบุกพ่าย อาร์เซนอล 0-1 เวลานี้สมาคมฟุตบอลอังกฤษกำลังดูภาพรีเพลย์ และอาจพิจารณาโทษเพิ่มทบต้นทบดอกเป็นห้ามลงสนาม 9 นัด เพราะฤดูกาลนี้โดนตะเพิดไป 4 ใบแล้ว

บาโลเตลลี ออกมาขอโทษพฤติกรรมดังกล่าว แต่เหมือนจะสายเกินแก้เมื่อ มันชินี นายใหญ่ แมนฯซิตี ฟิวส์ขาดหลังโอกาสไล่แซง แมนฯยู ช่วง 6 นัดที่เหลือแทบเป็นไปไม่ได้แล้ว บอกว่า หากไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอาจจะต้องแขวนสตั๊ดภายใน 1-2 ปีนี้ เพราะทีมที่จะโอบอุ้มกองหน้าวัย 21 ปี ต้องคำนึงถึงปัญหาที่จะตามมาภายหลัง เนื่องจากนักเตะรายนี้เหมือนระเบิดเวลาที่ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม สามารถทำร้ายได้แม้กระทั่งเพื่อนร่วมทีมหรือเจ้านายตนเอง

เรื่องความสามารถไม่มีใครกังขาในตัว บาโลเตลลี หลังซัดไป 13 ประตูบนเวที พรีเมียร์ชิป เป็นรองแค่ เซร์คิโอ อกูเอโร 17 ประตู โดยเฉพาะ 2 ประตูที่ยิงช่วย แมนฯซิตี รอดความปราชัยนัดแรกคาถิ่น อิติฮัด สเตเดียม ด้วยการเสมอ ซันเดอร์แลนด์ 3-3 ทว่าไม่ใช่จังหวะโอเพนเพลย์ และยังมีปัญหาแย่งยิงฟรีคิกกับ อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ เพชฌฆาตลูกนิ่งที่ถูกวางตัวเอาไว้แล้ว

บาโลเตลลี คงเป็นการย้ายกลับ อิตาลี ประเทศบ้านเกิด เพราะอพยพมาจากกานาก่อนจะลืมตาดูโลกที่ ปาแลร์โม จนกระทั่งได้เป็นพลเมืองอิตาเลียนเมื่อปี 2008 หลังอายุครบเกณฑ์ 18 ปี โชคดีที่มีความสัมพันธ์อันดีกับ ซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี เจ้าของ เอซี มิลาน จึงมีโอกาสน่าจะเป็นสถานีถัดไปของชีวิตมากที่สุด ส่วนการกลับ อินเตอร์ มิลาน ที่ย้ายออกมาเมื่อปี 2010 ด้วยค่าตัว 24 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,200 ล้านบาท) คงเป็นเรื่องยาก เหนืออื่นใดการกลับไปครั้งนี้ น่าจะส่งผลดีกับเจ้าตัวเอง เนื่องจากเป็นบ้านเกิดเมืองนอน น่าจะคุ้นชินกว่าวัฒนธรรมของอังกฤษ เพราะเพียงแค่เกือบ 2 ฤดูกาลกลับสร้างเรื่องมากมายบัญชียาวเป็นหางว่าว

มันชินี เคยทำงานร่วมกับ บาโลเตลลี ที่รัง จูเซ็ปเป เมียซซา เห็นกันมาตั้งแต่สมัยเป็นแข้งเยาวชน อาจจะด้วยความสงสารเริ่มตั้งแต่ชีวิตวัยเด็กด้วยความที่ดาวยิงแบดบอย มีปัญหาสุขภาพ รวมถึงพฤติกรรมแย่ๆ จนถูกดองอยู่ที่ซุ่มม้านั่งสำรองของ “งูใหญ่” ขนาดยุค โชเซ มูรินโญ ยังถูกขายทิ้ง นายใหญ่ชาวอิตาเลียนยังแสดงความรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวว่าอย่ากล่าวโทษลูกทีมรายนี้ เพราะเป็นคนเลือกเข้ามาเอง รวมถึงวัยที่อาจจะยังไม่มีวุฒิภาวะมากพอเพียงแค่ 21 ปี

ถึงเวลานี้ มันชินี น่าจะรู้ซึ้ง และได้รับบทเรียนสำคัญในฐานะกุนซือว่าการให้โอกาสใครสักคน หรือแบกคนอื่นเอาไว้บนบ่าจนกระทั่งส่งผลกระทบต่องานใหญ่ทั้งเสียเวลาและไม่มีประโยชน์ บาโลเตลลี ไม่ได้แสดงให้เห็นว่าเป็นคีย์แมน หรืออะไหล่ชั้นดีที่จะพาทีมเข้าป้ายคว้าแชมป์ สุดท้ายนี้คงเป็นทั้งคู่ที่ต้องหอบผ้าหอบผ่อนแยกย้ายกันไปช่วงซัมเมอร์นี้และคงไม่มีวันร่วมงานกันอีกแล้ว