xs
xsm
sm
md
lg

ฮ็อตช็อต “นูรูล” เลือดใหม่ “ฉลามชล”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นูรูล ศรียานเก็ม
ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - “ผมขอพาชลบุรี เอฟซี คว้าแชมป์ฟุตบอล เอเอฟซี คัพ และพาชลบุรี เอฟซี ไปเล่นฟุตบอล เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก ให้ได้” นี่คือคำพูดที่บ่งบอกถึงเป้าหมายแบบชัดเจนที่สุดของ นูรูล ศรียานเก็ม กองหน้าดาวรุ่งของชลบุรี เอฟซี ที่ได้รับการผลักดันอย่างเต็มตัวในฤดูกาลนี้ หลังสร้างชื่อเป็นที่จดจำให้แก่แฟนบอล “ฉลามชล” จากประตูชัยที่พาทีมเฉือนชนะ “กิเลนผยอง” เมืองทองฯ ยูไนเต็ด 2-1 เมื่อฤดูกาลก่อน และบรรทัดจากนี้ไป เราจะมาทำความรู้จักกับ “เจ้านู” กันให้มากขึ้น

นูรูล เริ่มต้นเล่าถึงเส้นทางชีวิตของตัวเองในวัยเด็กว่า เริ่มหัดเล่นฟุตบอลครั้งแรกเมื่ออายุ 7 ปี โดยมีพี่ชายซึ่งมีดีกรีเป็นนักฟุตบอลของทีมพัทลุง ป็นแรงบันดาลใจ กระทั่งเมื่อสำเร็จการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่บ้านเกิด “เจ้านู” ก็ย้ายมาศึกษาต่อระดับมัธยมปลาย ณ โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยที่ไม่รู้เลยว่า การย้ายมาปักหลักที่เมืองชล จะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิตการเล่นฟุตบอลของเจ้าตัว

เมื่อเข้าศึกษาต่อระดับมัธยมปลายในชลบุรี “เจ้านู” ยังคงเล่นฟุตบอลกับเพื่อนอยู่เช่นเดิม และด้วยทักษะฝีเท้า ที่เหนือกว่าเพื่อนร่วมรุ่น รวมถึงจุดเด่นอยู่ที่การเคลื่อนไหวอันรวดเร็ว กลายเป็นที่เตะตาของแมวมองของชลบุรี เอฟซี ก่อนได้รับการติดต่อจาก “ฉลามชล” ในปี 2552 และสะบัดน้ำหมึกเซ็นสัญญาเป็นหนึ่งในแข้งของอดีตแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก ปี 2007ในที่สุด แต่ก็ต้องรอโอกาสอีก 2 ปี กว่าจะได้ลงสนามให้กับต้นสังกัด

“เจ้านู” ได้ฤกษ์เปิดตัวกับ “ฉลามชล” เกมแรก ในเกมที่บุกเอาชนะ “ปลาทูคะนอง” เอสซีจี สมุทรสงคราม เอฟซี 1-0 วันที่ 20 พฤศจิกายน 2554 และยังเป็นผู้ยิงประตูชัยในเกมนี้ด้วย ซึ่งเจ้าตัวบรรยายความรู้สึกครั้งนั้นว่า “ก่อนลงสนามผมรู้สึกตื่นเต้นและกดดันจนทำอะไรไม่ถูก เพราะนี่คือการลงเล่นให้กับทีมอย่าง ชลบุรี เอฟซี เป็นครั้งแรก แต่หลังได้รับคำแนะนำจากพี่ๆในทีม ก็คลายความกดดันและทำประตูได้ในที่สุด ถือเป็นความทรงจำที่ไม่อาจลบเลือนได้เลย”

หลังยิงประตูในเกมกับ “ปลาทูคะนอง” นูรูล ก็ได้รับความไว้วางใจจาก “โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล กุนซือของทีม และได้รับโอกาสลงสนามมากขึ้น ก่อนแจ้งเกิดในสีเสื้อของ “ฉลามชล” แบบเต็มตัว ด้วยการพาทีมบุกไปชนะ “กิเลนผยอง” เมืองทองฯ ยูไนเต็ด 2-1 และประตูนั้นก็ช่วยส่งให้ชื่อของนูรูล กลายเป็นที่รู้จักเพียงชั่วข้ามคืน “ประตูนั้นถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของผม จากเด็กใต้คนหนึ่งที่ไม่มีใครรู้จัก มาวันนี้เดินไปไหนก็มีคนมาทัก แต่ผมก็ยังคงทำตัวเหมือนปกติ คือตั้งใจฝึกซ้อมกับทีมต่อไป”

ดังนั้น เมื่อถามถึงเป้าหมายของตัวเองหลังถูกดันขึ้นมาเป็นผู้เล่นชุดใหญ่ของทีมในฤดูกาลนี้ นูรูล เผยทิ้งท้ายว่า “เป้าหมายของผมในปีนี้ คือตั้งใจทำผลงานให้ดีที่สุดเมื่อได้รับโอกาสลงสนาม และหากเป็นไปได้ ผมก็อยากมีส่วนร่วมในการพาทีมคว้าแชมป์เอเอฟซี คัพ และลงเล่น เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาลหน้า ขณะเดียวกันก็จะรับฟังคำแนะนำจากพี่ๆทุกคนในทีม เพื่อนำมาปรับใช้พัฒนาฝีเท้าของตัวเองให้ดียิ่งขึ้น ก่อนก้าวสู่เป้าหมายที่ใหญ่กว่าเดิม นั่นคือ การติดทีมชาติไทย ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ผมใฝ่ฝันมาโดยตลอดและต้องทำให้ได้”

ส่วน “โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล กุนซือสมองเพชรของ “ฉลามชล” วิเคราะห์ฟอร์มของ “เจ้านู” ให้ได้ฟังว่า “สำหรับผมแล้ว นูรูล เป็นผู้เล่นที่มีฝีเท้าเกินอายุ มีทั้งความเร็วและสามารถป่วนกองหลังคู่แข่งได้เป็นอย่างดี หากยังมีจุดอ่อนอยู่ที่สภาพร่างกายที่ยังไม่แข็งแรงพอที่จะเบียดสู้กับผู้เล่นกองหลังที่มีรูปร่างสูงใหญ่ได้ และอีกจุดหนึ่งคือเป็นคนที่หมดแรงง่ายมาก อย่างไรก็ตาม หากแก้ไขจุดอ่อนตรงนี้ได้ เขาก็จะเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญที่จะช่วยให้ทีมชลบุรี เอฟซี ประสบความสำเร็จในอนาคต”

5 เรื่องที่คุณอาจไม่รู้เกี่ยวกับ “นูรูล”
1.“เจ้านู” เป็นแฟนบอลตัวยงของ “สาลิกาดง” นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด
2.“ฮ็อตช็อต” อลัน เชียเรอร์ คือตำนานกองหน้าที่ “เจ้านู” ยึดเป็นแบบอย่าง
3.สมัยเรียนม.ปลาย ความเร็วของนูรูล มักเตะตาอ.วิชาพลศึกษา และถูกเรียกตัวให้เป็นตัวแทนโรงเรียนยามลงแข่งขันกรีฑาเป็นประจำ
4.แม้แจ้งเกิดจากประตูชัยเหนือเมืองทองฯ ยูไนเต็ด แต่นูรูล ก็คอยติดตามผลงานของ “กิเลนผยอง” อยู่เสมอ
5.งานอดิเรกหลังเลิกซ้อมฟุตบอล “เจ้านู” ก็มักหยิบกีต้าร์ พร้อมครวญเพลงของ “เสก โลโซ” ไอดอลของตัวเองให้เพื่อนๆฟังประจำ
“โค้ชเฮง” พูดถึงปีกจากแดนใต้
เชียเรอร์ ต้นแบบของ “เจ้านู”
กำลังโหลดความคิดเห็น