18 ประธานสโมสรไทย พรีเมียร์ลีก ร่วมนัดหารือแลกเปลี่ยนทัศนคติ ครั้งที่ 2 โดยมี ชลบุรี เอฟซี รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพภายใต้ชื่องาน "รวมพลังลูกหนังไทย สู่อนาคตที่ดีกว่า" ยังไร้เงา เอสซีจี เมืองทองฯ ยูไนเต็ด และ เชียงราย เอฟซี 2 ทีมที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมครั้งที่แล้วเช่นเคย โดยครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานบริษัทไทยพรีเมียร์ลีก เข้าร่วมประชุม พร้อมทั้งรับเรื่องเพื่อนำไปแก้ปัญหาต่อในอนาคต
เมื่อวันจันทร์ที่ 26 มีนาคม 2555 เวลา 18.00 น. ณ โรงแรมโกลเด้น ทิวลิป ซอฟเฟอริน เป็นการนัดประชุมหารือแลกเปลี่ยนทัศนคติร่วมกันระหว่างประธานสโมสรไทยพรีเมียร์ลีกทั้ง 18 สโมสร ครั้งที่ 2 โดยในครั้งนี้มี "ฉลามชล" ชลบุรี เอฟซี รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพ ภายใต้ชื่องาน "รวมพลังลูกหนังไทย สู่อนาคตที่ดีกว่า" พร้อมทั้งได้มี ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานบริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก เข้าเป็นตัวแทนทีพีแอลร่วมเสวนาด้วย ส่วนนายกยี วรวีร์ มะกูดี ติดภาระกิจต่างประเทศ แต่ยังขาดตัวแทนจากสโมสร เอสซีจี เมืองทองฯ ยูไนเต็ด และ เชียงราย ยูไนเต็ด 2 สโมสรที่ไม่ได้ร่วมประชุมครั้งที่แล้ว รวมถึง บีบีซียู เอฟซี และ อีสาน ยูไนเต็ด
นายวิทยา คุณปลื้ม ประธานสโมสรชลบุรี เอฟซี ได้กล่าวถึงหัวข้อหลักๆในครั้งนี้ว่า "วันนี้เราได้นัดหารือประชุมกันเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งหัวข้อหลักๆเป็นความคืบหน้าจากการประชุมกันครั้งที่แล้ว โดยครั้งนี้เราได้รับเกียรติจาก ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานบริษัทไทยพรีเมียร์ลีกเข้าร่วมประชุม จึงถือโอกาสยื่นหนังสือให้กับทางทีพีแอลอย่างเป็นทางการเลยในทีเดียว"
"ซึ่งหัวข้อหลักๆที่ได้เสนอไปนั้นประกอบไปด้วย 1.เรื่องการทำ "คลับไลเซนซิง" เราไม่รู้ว่าทางสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย หรือบริษัทไทยพรีเมียร์ลีกที่เป็นผู้รับผิดชอบ เราจึงได้ยื่นหนังสือเตือนต่อทางสมาคมฟุตบอล และ การกีฬาแห่งประเทศไทย เพื่อรักษาผลประโยชน์ของเราไว้ เพราะกลัวว่าจะจัดการไม่ทันตามที่เอเอฟซีกำหนด 2. เรื่องขอมีส่วนร่วมในคณะกรรมการผู้ตัดสิน โดยทั้ง 18 สโมสรจะจับฉลากเลือกทีมที่เป็นตัวแทนเดือนละ 3 ทีมและหมุนเวียนกันไปทุกเดือน ให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาบทลงโทษของคณะกรรมการผู้ตัดสิน เพื่อที่จะได้คำตัดสินอย่างเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย 3. ความพร้อมของลีกสำรอง ซึ่งทางเอเอฟซี ได้กำหนดไว้ว่าจะต้องการจัดตั้งมีลีกเยาวชนขึ้นมา และ 4.การเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของทีพีแอล ทั้งเรื่องสิทธิผลประโยชน์และการจัดการแข่งขัน" ประธานเมืองชลกล่าว
ซึ่งในเรื่องนี้ ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานไทยลีก ได้กล่าวว่า "เรื่องคลับไลเซนซิงไม่ต้องเป็นห่วง เราได้ไปประชุม เอเอฟซี กลับมาเมื่อวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา ตอนนี้เราได้ส่งเอกสารไปครบถ้วนแล้ว ซึ่งก็แล้วแต่ทางเอเอฟซีจะเป็นผู้พิจารณา เพราะที่เราส่งไปเป็นมาตรฐานของประเทศไทย แต่ถ้ามาตรฐานของเอเอฟซีจะต้องมีเรื่องอะไรเพิ่มเติมสำหรับสโมสรที่ได้เข้าไปแข่งระดับทวีปก็ต้องมาว่ากันอีกที ซึ่งตอนนี้สมาคมฟุตบอลฯเป็นผู้ที่รับผิดชอบติดตาม แต่จะให้องกรณ์ใดเป็นผู้จัดการนั้นไม่สามารถเปิดเผยได้ต้องแล้วแต่ทางสมาคมเป็นผู้เลือก"
"ส่วนในเรื่องของการที่จะขอเข้าไปมีส่วนร่วมกับทางบริษัทไทยฯลีกนั้น ต้องให้ทางสมาคมฟุตบอลเป็นผู้พิจารณา ทั้งด้านการจัดการ ด้านผู้ตัดสิน และสิทธิประโยชน์ แต่ตอนนี้ที่ทำได้คือเราจะเชิญตัวแทนจากไทยลีก 4 ทีม คือ เอสซีจี เมืองทองฯ, บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, ชลบุรี เอฟซี, บีอีซี เทโร ศาสน รวมกับทีมขอนแก่น เอฟซี จากดิวิชั่น 1 เข้าร่วมประชุมเรื่องการจัดโปรแกรมการแข่งขัน" โดยจะมีการจัดประชุมในวันที่ 5 เมษายน 2555 ที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เวลา 13.00น.
"ส่วนเรื่องลีกสำรองหรือลีกเยาวชนนั้น คงต้องขอให้มีการประชุมร่วมกันจากทางสโมสรและสมาคมฟุตบอลฯอย่างเป็นทางการอีกทีว่าจะให้ออกมาเป็นรูปแบบไหน รวมถึงรายละเอียดยิบย่อยอื่นๆทั้งวันและเวลาแข่ง รวมถึงระดับอายุผู้เล่นที่จะเข้าแข่งขัน พร้อมทั้งเรื่องการขอเข้าไปมีบทบาทในบริษัทไทย พรีเมียร์ลีก และสิทธิประโยชน์ต่างๆที่จะได้รับของทางสโมสร" นายใหญ่ไทยลีกเผย
โดยการประชุมครั้งต่อไปจะจัดขึ้นในวันที่ 23 เมษายน 2555 โดยจะเป็นคิวของทีม เอสซีจี เมืองทองฯ ยูไนเต็ด แต่ถ้า "กิเลนผยอง" ไม่พร้อมก็จะให้ พัทยา ยูไนเต็ด ที่ได้อันดับที่ 4 ของฤดูกาลที่แล้ว รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพแทน
เมื่อวันจันทร์ที่ 26 มีนาคม 2555 เวลา 18.00 น. ณ โรงแรมโกลเด้น ทิวลิป ซอฟเฟอริน เป็นการนัดประชุมหารือแลกเปลี่ยนทัศนคติร่วมกันระหว่างประธานสโมสรไทยพรีเมียร์ลีกทั้ง 18 สโมสร ครั้งที่ 2 โดยในครั้งนี้มี "ฉลามชล" ชลบุรี เอฟซี รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพ ภายใต้ชื่องาน "รวมพลังลูกหนังไทย สู่อนาคตที่ดีกว่า" พร้อมทั้งได้มี ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานบริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก เข้าเป็นตัวแทนทีพีแอลร่วมเสวนาด้วย ส่วนนายกยี วรวีร์ มะกูดี ติดภาระกิจต่างประเทศ แต่ยังขาดตัวแทนจากสโมสร เอสซีจี เมืองทองฯ ยูไนเต็ด และ เชียงราย ยูไนเต็ด 2 สโมสรที่ไม่ได้ร่วมประชุมครั้งที่แล้ว รวมถึง บีบีซียู เอฟซี และ อีสาน ยูไนเต็ด
นายวิทยา คุณปลื้ม ประธานสโมสรชลบุรี เอฟซี ได้กล่าวถึงหัวข้อหลักๆในครั้งนี้ว่า "วันนี้เราได้นัดหารือประชุมกันเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งหัวข้อหลักๆเป็นความคืบหน้าจากการประชุมกันครั้งที่แล้ว โดยครั้งนี้เราได้รับเกียรติจาก ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานบริษัทไทยพรีเมียร์ลีกเข้าร่วมประชุม จึงถือโอกาสยื่นหนังสือให้กับทางทีพีแอลอย่างเป็นทางการเลยในทีเดียว"
"ซึ่งหัวข้อหลักๆที่ได้เสนอไปนั้นประกอบไปด้วย 1.เรื่องการทำ "คลับไลเซนซิง" เราไม่รู้ว่าทางสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย หรือบริษัทไทยพรีเมียร์ลีกที่เป็นผู้รับผิดชอบ เราจึงได้ยื่นหนังสือเตือนต่อทางสมาคมฟุตบอล และ การกีฬาแห่งประเทศไทย เพื่อรักษาผลประโยชน์ของเราไว้ เพราะกลัวว่าจะจัดการไม่ทันตามที่เอเอฟซีกำหนด 2. เรื่องขอมีส่วนร่วมในคณะกรรมการผู้ตัดสิน โดยทั้ง 18 สโมสรจะจับฉลากเลือกทีมที่เป็นตัวแทนเดือนละ 3 ทีมและหมุนเวียนกันไปทุกเดือน ให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาบทลงโทษของคณะกรรมการผู้ตัดสิน เพื่อที่จะได้คำตัดสินอย่างเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย 3. ความพร้อมของลีกสำรอง ซึ่งทางเอเอฟซี ได้กำหนดไว้ว่าจะต้องการจัดตั้งมีลีกเยาวชนขึ้นมา และ 4.การเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของทีพีแอล ทั้งเรื่องสิทธิผลประโยชน์และการจัดการแข่งขัน" ประธานเมืองชลกล่าว
ซึ่งในเรื่องนี้ ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานไทยลีก ได้กล่าวว่า "เรื่องคลับไลเซนซิงไม่ต้องเป็นห่วง เราได้ไปประชุม เอเอฟซี กลับมาเมื่อวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา ตอนนี้เราได้ส่งเอกสารไปครบถ้วนแล้ว ซึ่งก็แล้วแต่ทางเอเอฟซีจะเป็นผู้พิจารณา เพราะที่เราส่งไปเป็นมาตรฐานของประเทศไทย แต่ถ้ามาตรฐานของเอเอฟซีจะต้องมีเรื่องอะไรเพิ่มเติมสำหรับสโมสรที่ได้เข้าไปแข่งระดับทวีปก็ต้องมาว่ากันอีกที ซึ่งตอนนี้สมาคมฟุตบอลฯเป็นผู้ที่รับผิดชอบติดตาม แต่จะให้องกรณ์ใดเป็นผู้จัดการนั้นไม่สามารถเปิดเผยได้ต้องแล้วแต่ทางสมาคมเป็นผู้เลือก"
"ส่วนในเรื่องของการที่จะขอเข้าไปมีส่วนร่วมกับทางบริษัทไทยฯลีกนั้น ต้องให้ทางสมาคมฟุตบอลเป็นผู้พิจารณา ทั้งด้านการจัดการ ด้านผู้ตัดสิน และสิทธิประโยชน์ แต่ตอนนี้ที่ทำได้คือเราจะเชิญตัวแทนจากไทยลีก 4 ทีม คือ เอสซีจี เมืองทองฯ, บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, ชลบุรี เอฟซี, บีอีซี เทโร ศาสน รวมกับทีมขอนแก่น เอฟซี จากดิวิชั่น 1 เข้าร่วมประชุมเรื่องการจัดโปรแกรมการแข่งขัน" โดยจะมีการจัดประชุมในวันที่ 5 เมษายน 2555 ที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เวลา 13.00น.
"ส่วนเรื่องลีกสำรองหรือลีกเยาวชนนั้น คงต้องขอให้มีการประชุมร่วมกันจากทางสโมสรและสมาคมฟุตบอลฯอย่างเป็นทางการอีกทีว่าจะให้ออกมาเป็นรูปแบบไหน รวมถึงรายละเอียดยิบย่อยอื่นๆทั้งวันและเวลาแข่ง รวมถึงระดับอายุผู้เล่นที่จะเข้าแข่งขัน พร้อมทั้งเรื่องการขอเข้าไปมีบทบาทในบริษัทไทย พรีเมียร์ลีก และสิทธิประโยชน์ต่างๆที่จะได้รับของทางสโมสร" นายใหญ่ไทยลีกเผย
โดยการประชุมครั้งต่อไปจะจัดขึ้นในวันที่ 23 เมษายน 2555 โดยจะเป็นคิวของทีม เอสซีจี เมืองทองฯ ยูไนเต็ด แต่ถ้า "กิเลนผยอง" ไม่พร้อมก็จะให้ พัทยา ยูไนเต็ด ที่ได้อันดับที่ 4 ของฤดูกาลที่แล้ว รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพแทน
