ยูนิฟอร์มในศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) ได้ฤกษ์ดีเดย์ 1 เมษายนนี้ เตรียมเปลี่ยนโฉมจาก "รีบอค" เป็น "ไนกี้" อย่างไรก็ตาม แฟนๆ ต้องยอมจ่ายเพิ่มขึ้นกับราคาที่ขยับเพื่อให้ได้มาซึ่งเสื้อแข่งของทีม-ผู้เล่นที่เป็นขวัญใจ
หลังจากใช้บริการผลิตภัณฑ์ของ NFL อย่างเป็นทางการภายใต้แบรนด์ "รีบอค" มานานตลอด 10 ปีที่ผ่านมา แต่วันที่ 31 มีนาคมนี้แล้วที่สัญญาจะหมดลง ซึ่งลีกคนชนคนก็ได้แบรนด์ยักษ์ใหญ่อย่าง "ไนกี้" มาให้การสนับสนุนตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนนี้เป็นต้นไป
โดย บิลล์ วิซาส เจ้าของร้านขายผลิตภัณฑ์กีฬาประเภทของสะสมที่มีเรื่องราว ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในเมืองเดนเวอร์ ยอมรับว่าเสื้อแข่งและเสื้อทีเชิ้ตเบอร์ 18 ของ เพย์ตัน แมนนิง ควอเตอร์แบ็กขวัญใจคนใหม่ของ "ม้าป่า" บรองโกส์ ที่เพิ่งย้ายมาพอขายได้ แต่คงต้องรอการเริ่มใหม่กับแบรนด์ไนกี้ ในเดือนหน้า
อีกทั้ง วิซาส ยังแย้มกับสื่อมะกันทำนองที่ได้ยินได้ฟังมาคือ ไนกี้ จะยังไม่เผยโฉมยูนิฟอร์มใหม่ "ม้าป่า" จนกว่าจะถึงช่วงปลายเดือนเมษายนนี้ นั่นหมายความว่ากว่าที่สาวกจะหาซื้อเสื้อควอเตอร์แบ็กวัย 36 ปี มาสวมชูหน้าชูตาได้ต้องรอถึงเดือนพฤษภาคมนี้เลย
อย่างไรก็ดี วิซาส ยอมรับว่าการเปลี่ยนแบรนด์จาก "รีบอค" มาเป็น "ไนกี้" ทำให้ราคาขยับขึ้นอีก หนึ่งในเหตุผลเป็นเพราะการที่ผลิตภัณฑ์กีฬายักษ์ใหญ่ระดับโลกต้องจ่ายค่าลิขสิทธิให้ NFL และสหภาพผู้เล่นไม่น้อยเลย "ตอนนี้ ไนกี้ เตรียมเข้ามาฮุบผลิตภัณฑ์ใน NFL ซึ่งพวกเขาทุ่มทุนไม่น้อยกับลีกและสหภาพฯ แต่ผมคิดว่าการดำเนินธุรกิจของ NFL ยังสามารถเดินหน้าได้ แม้ราคาเสื้อแข่งจะขยับขึ้นจากปีก่อนที่ขายกันตัวละ 75 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2,250 บาท) หรือ 80 เหรียญฯ (2,400 พันบาท) ไปเป็น 95-100 เหรียญฯ (2,800-3,000 บาท) หรือบางตัวราคาเพิ่มจาก 110-120 เหรียญฯ (ราว 3,300-3,600 บาท) ไปเป็น 130-140 เหรียญฯ (3,900-4,200 บาท)"