"เขาทราย-บาส" จวก "มนัส" เพ้อต่อยปาเกียว

ASTVผู้จัดการรายวัน - หลังประกาศแขวนเสื้อกล้ามเก็บตัวเงียบอยู่นานสองนาน ล่าสุดเมื่อวันพุธที่ 14 มีนาคม 2555 ที่ผ่านมา มนัส บุญจำนงค์ จุดประเด็นร้อนขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยการประกาศกร้าวผ่าน "รอยเตอร์ส" (Reuters) สื่อดังระดับโลกถึงความต้องการผันตัวเองเป็นนักมวยอาชีพ พร้อมฝันไกลก้าวขึ้นสังเวียนผ้าใบดวลกำปั้น แมนนิง ปาเกียว ยอดทรหดแดนตากาล็อก

ซึ่งทีมข่าว MGR Sport ไม่รอช้าต่อสายตรงคุยกับ มนัส อดีตฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก 2004 ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ ถึงความชัดเจนกับโปรเจคใหม่ที่ผุดขึ้นมาในหัว โดย "เจ้าเติ้ล" เกริ่นนำว่า "ก่อนอื่นผมต้องขอโทษไปยังแฟนๆ หมัดมวยที่อยากเห็นผมสร้างประวัติศาสตร์ หลังตัดสินใจไม่ไปคัดเลือกเพื่อลุ้นตั๋วลอนดอนเกมส์ แต่ด้วยสภาพจิตใจยอมรับว่าไม่พร้อมจริงๆ อย่างไรก็ตาม ผมตั้งใจว่าหลังจากพักอีกสัก 1-2 เดือน ชีวิตใหม่ของผมจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง"

"โดยผมมีแผนสานฝันต่อยมวยอาชีพให้เป็นจริง เบื้องต้นมีการพูดคุยกับผู้ใหญ่ที่ให้ความเคารพและพร้อมสนับสนุนบ้างแล้ว อีกทั้งยังปรึกษา นนท์ บุญจำนงค์ ที่เคยไปต่อยที่สหรัฐฯ ซึ่งน้องชายแนะให้ผมผันตัวเองสู่วงการกำปั้นอาชีพเสียที หลังทำชื่อเสียงให้ประเทศมายาวนาน โดยลักษณะขึ้นสังเวียนอาชีพเริ่มแรกคงเป็นการต่อยแบบ 4 ยก 6-8 ยกบ้าง เพื่อแสดงให้โปรโมเตอร์ได้เห็นฝีมือก่อน เรื่องค่าตอบแทนไฟต์ๆ หนึ่งก็ได้หลัก 3-4 แสนบาท จากนั้นถึงจะมีโอกาสขึ้นสู่เวทีใหญ่ๆ" เจ้าเติ้ล กล่าวต่อ

"อย่างไรก็ตาม ย่อมมีคำถามเกิดขึ้นเรื่องของอายุ ซึ่งผมเข้าสู่วัย 32 ปี แต่สภาพร่างกาย ณ ปัจจุบันเกือบฟิตเต็มร้อย การลดน้ำหนัดไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป อีกทั้งผมจริงจังกับการสร้างชื่อในวงการมวยอาชีพ ฝันอยากขึ้นสังเวียนดวลหมัด แมนนี ปาเกียว สักตั้ง แม้ความเป็นจริงอาจไม่มีทางเกิดขึ้นได้ แต่นั่นเป็นแรงจูงใจชั้นดีให้ผมได้มุ่งมั่น คนเราจะไม่มีความทะเยอทะยานเลยก็ไม่ได้ อย่างตอนก่อนไปเอเธนส์เกมส์ ผมประกาศมุ่งไปคว้าเหรียญทองโอลิมปิก หลายคนมองว่าผมเพ้อฝัน ทว่าท้ายที่สุดผมสามารถพิสูจน์ให้ทุกคนได้ประจักษ์ ถึงวันนี้เรื่องผันตัวเองต่อยอาชีพ เป็นแผนที่ผมไม่ได้จินตนาการวาดขึ้นมาเท่านั้น อย่างไรก็ดี สิ้นเดือนนี้ผมขอกลับไปลำปางอีกครั้งเพื่อเปิดร้านมินิมาร์ทให้ น้องนิว จากนั้นประมาณเดือนมิถุนายนคุยกันไว้แล้วว่าผมจะจูงมือแฟนสาวเข้าพิธีวิวาห์ ชีวิตครอบครัวน่าจะทำให้ผมมีความรับผิดชอบมากขึ้นกว่าเดิม" มนัส ทิ้งท้าย

ด้าน "ฮีโร่บาส" สมรักษ์ คำสิงห์ ซึ่งให้ความช่วยเหลือ มนัส มาโดยตลอด เผยเชิงตัดพ้อนักชกรุ่นน้องว่า "ตอนนี้ มนัส จะทำอะไรไม่เกี่ยวกับผมแล้ว ส่วนเรื่องจะไปต่อยมวยอาชีพ ผมกล้าพูดได้เลยว่าไปไม่รอดหรอก แค่เรื่องทัศนคติ ระเบียบวินัยก็ไม่ผ่านแล้ว อย่าลืมว่ามวยอาชีพ การฝึกซ้อมย่อมหนักเป็นสองเท่าจากมวยสากลสมัครเล่น อีกทั้งชื่อเสียที่ มนัส ก่อขึ้น ตอนนี้ใครจะไปให้การสนับสนุนอีก ผู้ใหญ่ที่เจ้าตัวว่ายังพร้อมผลักดัน ไม่แน่ใจว่าเป็นใคร อาจเป็น เสธ.วีป (พล.อ. ทวีป จันทรโรจน์ อดีตนายกสมาคมมวยสากลสมัครเล่นแห่งประเทศไทย) แต่พฤติกรรมของ มนัส ผมเชื่อว่า เสธ.วีป น่าจะรู้ดีแก่ใจ แต่ถ้า มนัส อยากเบนเป้าต่อยอาชีพ ผมอยากฝากให้เขาตั้งใจจริงและโชคดีก็แล้วกัน"

ขณะที่ สุระ แสนคำ หรือ "ซ้ายทะลวงไส้" เขาทราย แกแล็กซี ตำนานกำปั้นอาชีพไทยวัย 52 ปี แสดงทรรศนะเกี่ยวกับ มนัส เป็นการทิ้งท้ายว่า "นี่เป็นการคิดที่ช้าเกินไปหรือไม่ ผมว่าอายุ 32 ปี อาจเข้าขั้นแก่เกินแกง ถามว่าสามารถขึ้นต่อยอาชีพได้หรือไม่ แน่นอนอาจพอขึ้นสังเวียนไหว เพราะปัจจุบันนักชกวัย 35-36 ปี ยังมีให้เห็นบ้าง แต่ถ้าคิดประสบความสำเร็จถึงตำแหน่งแชมป์โลก คงเป็นสิ่งที่เกินฝัน สมัยที่ผมต่อยอาชีพใหม่ๆ ตอนอายุ 22 ปี ผมใช้เวลา 3 ปีไต่เต้าถึงแชมป์โลก นี่ถ้าสมัยผมมีการผลักดันรุ่นเล็กอย่างจูเนียร์ เวลเตอร์เวท (52 กก.) ผมมีโอกาสดังกว่า แมนนี ปาเกียว สมัยนี้ด้วยซ้ำ ส่วนสิ่งที่อยากแนะนำ มนัส คือการต่อยอาชีพ ขึ้นชื่อว่าอาชีพ ย่อมต้องมีความเป็นมืออาชีพสูง ระเบียบวินัยไม่สามารถหย่อนยานได้ ต้องทานทนกับการฝึกซ้อมที่หนัก เพราะมันจะช่วยให้คุณแกร่ง อย่าลืมว่ามวยอาชีพต่อยกัน 12 ยก ไม่ใช่ 4 ยกเหมือนมวยสากลสมัครเล่น ถ้าไม่แกร่งจริง ไม่มีก็อกหนึ่งก็อกสองหรือแม้แต่ขุดก็อกสามมาใช้ โอกาสยืนหยัดบนสังเวียนมวยโลกไม่มีทางเป็นไปได้เลย"