เอเยนซี-เชลซี ตัวแทนจากอังกฤษสโมสรสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่บนเส้นทางศึก ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ เตรียมเปิดถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ประเคนเกมรุกสารพัดรูปแบบใส่ นาโปลี อาคันตุกะจากอิตาลี ทันทีที่สิ้นเสียงนกหวีดแรกของรอบ 16 ทีมสุด้าย นัดสอง คืนวันพุธที่ 14 มีนาคมนี้ ภายใต้เงื่อนไขต้องชนะด้วยสกอร์ 2-0 หลังจากนัดแรกบุกไปพ่ายมาก่อน 1-3
โรแบร์โต ดิ มัตเตโอ พา เชลซี คว้าชัย 2 นัดติดคือเกม เอฟเอ คัพ รอบ 5 นัดรีเพลย์ บุกชนะ เบอร์มิงแฮม ซิตี 2-0 เมื่อวันอังคารที่ 6 มีนาคมตามด้วยศึก พรีเมียร์ชิป เปิดรังเฉือน สโต๊ค ซิตี 1-0 อีก 4 วันถัดมา หลังเข้ามาคุมทัพชั่วคราวแทน อังเดร บียาส-โบอาส กุนซือชาวโปรตุกีสที่ถูกตะเพิดออกไป วันพุธนี้มีภารกิจสำคัญต้องพาทีมผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายให้ได้ เพราะถือเป็นแชมป์รายการที่ โรมัน อบราโมวิช เจ้าของทีมชาวรัสเซียอยากสัมผัสมากที่สุดใกล้เคียงคือเข้าชิงเมื่อปี 2008
เชลซี ขอแค่ 2-0 ก็จะเข้ารอบด้วยกฎอเวย์โกล์ ก่อนเกม ฮวน มาตา ปีกไซส์เอสทีมชาติสเปนของเจ้าถิ่นออกมากระตุ้นเพื่อนร่วมทีม "เราจะพยายามสร้างโอกาสทำประตูตั้งแต่นาทีแรก แม้รู้ดีว่า นาโปลี มีกองหน้าที่จัดจ้าน ดังนั้นเวลาเดียวกันก็จะต้องระวังแนวรับไปด้วย เหนืออื่นใดเราจะกดดันทันที ฟุตบอลไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ยิ่งเตะกันที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ก็มักจะได้ผลการแข่งขันที่ดีเสมอ แฟนบอลทุกคนก็หนุนหลังเต็มที่ จะเหมือนเป็นเกมนัดชิงสำหรับเราและจะต้องทำให้ได้"
เกมที่ชนะ สโต๊ค ดิ มัตเตโอ มีการพักนักเตะอย่าง มิคาเอล เอสเซียง กองกลางตัวตัดเกม และ ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ กับ มาตา 2 แนวรุกเอาไว้ที่ม้านั่งสำรอง นัดนี้น่าจะได้คืนทัพทั้งหมดเพื่อประสานงานกับ ดิดิเยร์ ดร็อกบา กองหน้าตัวเป้า ส่วนการได้ จอห์น เทอร์รี กลับมาคุมแผงแบ็กโฟร์ถือว่าส่งผลดีกับทีมน่าจะได้ยืนคู่กับ แกรี เคฮิลล์ ต่อไป สถิติที่ผ่านมาของสิงโตประจำกรุงลอนดอนในการเจอคู่ต่อกรจากอิตาลีไม่สู้ดีแพ้ 3 เกมหลังสุดและชนะแค่นัดเดียวจาก 6 เกมหลัง
ฟาก นาโปลี ทีมอันดับ 4 จากศึก กัลโช เซเรีย อา อิตาลี ฟอร์มกำลังร้อนแรงชนะ 6 นัดรวดรวมทุกรายการเกมลีกเพิ่งเปิดบ้านยำใหญ่ กายารี 6-3 เมื่อวันศุกร์ที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา ทว่านัดนี้ยังคงไม่มี วอลเตอร์ มาสซารี บัญชาเกมข้างสนาม เนื่องจากถูกแบนนัดที่ 2 กรณีผลักนักเตะคู่ต่อสู่ตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม
นาโปลี ยกพลมาเตะที่อังกฤษไม่เคยกลับออกไปพร้อมกับชัยชนะ โดยเป็นการแพ้ 3 จาก 4 เกม ล่าสุดคือเสมอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี 1-1 รอบแบ่งกลุ่ม นัดนี้ขุนพลจากเมืองเนเปิลส์อยู่กันเต็มอัตราศึกไม่ว่าจะเป็น 3 ประสานแนวรุก มาเร็ค ฮามซิค เอซกีเอล ลาเวซซี และ เอดินสัน คาวานี รายหลังฟอร์มร้อนแรงต่อเนื่องจากปีที่แล้วซัดถ้วยยุโรปไปแล้ว 12 ประตูจาก 15 เกม
ก่อนเกม เปาโล คันนาวาโร กองหลัง นาโปลี ออกมาเตือนเพื่อนร่วมทีมให้ดูตัวอย่าง เอซี มิลาน ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปแบบหืดจับเมื่อวันอังคารที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา แม้นัดแรกชนะ 4-0 แต่บุกพ่าย อาร์เซนอล 0-3 "แม้ว่าเราได้เปรียบอยู่จากสกอร์นัดแรก แต่ก็ควรจะเล่นเหมือนสกอร์ 0-0 ดังนั้นต้องมีสมาธิกันตั้งแต่นาทีแรก โดยครึ่งแรกถือว่าสำคัญมาก คุณจะต้องดู มิลาน เป็นตัวอย่างที่เข้ารอบแบบหวุดหวิดเพราะบุกแพ้ อาร์เซนอล"
ส่วน ฮามซิค กองกลางทีมชาติสโลวาเกีย เชื่อว่า เชลซี ยังมีสภาพจิตใจแข็งแกร่ง แม้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงภายในอย่างกะทันหัน "การที่ บียาส-โบอาส ถูกไล่ออกไม่ได้ส่งผลอะไรกับเราเลย เชลซี ยังคงแสดงให้เป็นความมุ่งมั่นใหม่ๆ ช่วง 2 เกมหลังสุด อย่างไรก็ตามเราต้องคิดถึงแต่ตัวเองเท่านั้น ถือเป็นแมตช์สำคัญที่ต้องเชื่อในศักยภาพทีมว่าจะผ่านไปได้ เจ้าถิ่นจะต้องบุกใส่เป็นระลอก แต่ก็จะทำให้มีพื้นที่สวนกลับ"
นอกจากนี้ค่ำคืนวันเดียวกันยังมีเกมอีกหนึ่งคู่ "ราชันชุดขาว" รีล มาดริด แชมป์ยุโรปสูงสุด 9 สมัยจะเปิด ซานติอาโก เบร์นาบิว รับมือ ซีเอสเคเอ มอสโก จากรัสเซีย เจ้าถิ่นที่รั้งจ่าฝูง ลา ลีกา สเปน เวลานี้ได้เปรียบเพียงแค่เล็กน้อยเมื่อนัดแรกบุกไปคว้าอเวย์โกล์ด้วยสกอร์เสมอกัน 1-1