วินฟรีด เชเฟอร์ กุนซือชาวเยอรมันเปิดใจว่าเคยคิดถึงเรื่องการลาออกภายหลังทีมชาติไทยจบเส้นทางในฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ไว้เพียงแค่รอบ 20 ทีมสุดท้าย พร้อมทั้งบอกสาเหตุที่อยู่ต่อว่าเป็นเพราะได้รับการหนุนหลังจากคนไทย ย้ำฝากแฟนบอลและสื่อมวลชนให้จับตาดูการปรับปรุงแก้ไขการทำงานตามที่ วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้รับปากเอาไว้
เมื่อวันจันทร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ.2555 เวลา 14.00 น. สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จัดแถลงข่าวเรื่องอนาคตของ “วินนี” ณ ที่ทำการภายในสนามศุภชลาศัย หลังจากมีกระแสว่าโค้ชวัย 62 ปีอาจตัดสินใจสละเก้าอี้ “ช้างศึก” ภายหลังไม่สามารถทำทีมเข้ารอบ 10 ทีมสุดท้ายในเวิลด์คัพ รอบคัดเลือก โซนเอเชียได้ อีกทั้งเจอปัญหาในการเตรียมทีม เช่น ไม่มีเกมอุ่นเครื่องให้ตามที่ต้องการ, เจ้าหน้าที่ประสานงานตกหล่นเรื่องเอกสาร ตลอดจนไม่ได้รับความร่วมมือจากนักเตะและสโมสรในการมาร่วมเก็บตัวฝึกซ้อม
ซึ่ง เชเฟอร์ แถลงถึงการตัดสินใจทำหน้าที่ต่อไปว่า “6-7 เดือนที่ผ่านมา ผมหวังว่าจะทำฝันที่พาทีมชาติไทยเข้ารอบ 10 ทีมสุดท้ายให้เป็นจริง แต่เรากลับพลาดตั้งแต่ก่อนวันที่ 29 กุมภาพันธ์ที่แพ้ให้ โอมาน เสียอีก ซึ่งหลังจบเกมวันนั้นผมก็เครียดมากและยอมรับว่าคิดถึงเรื่องการลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบด้วย แต่สิ่งที่ทำให้ผมตัดสินใจอยู่เมืองไทยต่อเป็นเพราะแฟนบอลชาวไทยให้การสนับสนุนเป็นอย่างดีทั้งในเฟซบุคและกระแสสื่อมวลชน รวมถึงการรับใช้สมาคมฟุตบอลฯ ซึ่งอยู่ภายใต้พระบรมราชูปถัมภ์ถือเป็นความภาคภูมิใจที่ได้ทำงานเพื่อในหลวงของชาวไทย”
“วินนี” กล่าวต่อถึงแผนนับจากนี้ว่า “ผมอยากให้แฟนบอลและสื่อมวลชนช่วยดูการทำงานของสมาคมฯ ว่าจะมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้นหรือไม่ ซึ่งแผนที่ผมคุยในเบื้องต้นคือจะตั้งทีมสเกาท์ที่เป็นคนไทยเพื่อดูฟอร์มนักเตะไทย, ทีมฟิตเนส รวมถึงชื่อโค้ชชุด ยู-16, ยู-19, ยู-22 ก็มีในใจแล้ว ซึ่งเป็นคนหนุ่มไฟแรง เคยทำงานกับผมมาก่อนและมีประสบการณ์ แต่ยังเปิดเผยชื่อไม่ได้เพราะยังมีสัญญากับทีมเก่าอยู่ สุดท้ายผมขอฝากให้สโมสรร่วมมือด้วยการปล่อยนักเตะมาเก็บตัวกับทีมชาติด้วยความตระหนักว่าถ้าทีมชาติผลงานดีสโมสรก็พลอยได้รับคำชมด้วย”
ขณะที่ “บังยี” วรวีร์ มะกูดี รับปากกับ เชเฟอร์ ว่า “ผมยืนยันว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงบุคลากรที่ไร้ความสามารถ จากนี้ไปเราจะเตรียมทีมชาติไทยด้วยระบบที่ป็นสากลมากขึ้น โดยจะมีการแต่งตั้งผู้จัดการทั่วไปขึ้นมา เพื่อประสานงานระหว่างทีมชาติกับสโมสร ตลอดจนดูแลเรื่องเอกสารต่างๆ ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ผมยอมรับว่าตั้งแต่ วินนี เข้ามาทำงานต่อจาก ไบรอัน ร็อบสัน ก็มีการพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งแม้จะไม่ผ่านเข้ารอบ 10 ทีมสุดท้ายของฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ตามที่ตั้งเป้าไว้ในตอนแรก แต่ก็อยากให้เขาอยู่กับเราต่อไป”