"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ได้ เดิร์ก เคาท์ หัวหอกตัวสำรองของทีมสวมบทฮีโรซูเปอร์ซับ ยิงประตูท้ายเกมเอาชนะ "ผีแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปแบบสุดมันส์ 2-1 ในเกมเอฟเอ คัพ รอบสี่ คืนวันเสาร์ที่ 28 ม.ค. ที่ผ่านมา
ฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบสี่
ลิเวอร์พูล 2-1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เอฟเอ คัพ รอบสี่ คืนวันเสาร์ที่ 28 ม.ค. บิ๊กแมตซ์ "แดงเดือด" ลิเวอร์พูล เปิดรังแอนฟิลด์พบอริตลอดกาลอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เกมนี้เจ้าถิ่นไม่มี หลุยซ์ ซัวเรซ ที่ยังติดโทษแบนจากคดีเหยียดผิว ปาทริซ เอฟรา แบ็คซ้ายทีมเยือนเมื่อปีก่อน แต่ยังมีตัวหลักลงสนามครบครัน สตีเวน เจอร์ราร์ด บัญชาเกมตรงกลาง โดยมี แอนดี คาร์โรล ยืนค้ำแดนหน้า ส่วน "ผีแดง" ใช้ ดาเนียล เวลเบ็ค ยืนล่าตาข่ายคนเดียวโดยไม่มีชื่อของ เวนย์ รูนีย์ หัวหอกตัวหลักที่ยังเจ็บ ส่วนเอฟรา คู่กรณีของซัวเรซ ลงตัวจริงพร้อมปลอกแขนกัปตันทีม
เริ่มต้นมา 3 นาที ลิเวอร์พูล ได้ลุ้นประตูแรก มักซี ลากขึ้นมาไม่ถึงระยะ 20 หลา ก่อนตัดสินใจกดด้วยขวาหน้าเขตโทษ แต่เค เคอา ยังเซฟไว้ได้ ส่วนแมนยูฯ ทำเสียวเกือบขึ้นนำ วาเลนเซีย กระชากหนีมักซี ก่อนสับไกด้วยขวา แต่โชคร้ายบนพุ่งชนเสาแรกกระเด้งออกไปแบบน่าเสียดาย
เกมสนุกเข้มข้นมากขึ้น กระทั่งนาที 21 "หงส์แดง" ได้ประตูแรกที่รอคอย เอ็นริเก เปิดจากมุมธงฝั่งซ้ายเข้ากลางให้แอกเกอร์ ที่ไม่มีใครคอยประกบเทกตัวโหม่งเข้าง่ายดาย เจ้าถิ่นออกนำ 1-0 จากนั้นนาที 23 ลิเวอร์พูลเกือบบวกเม็ดสองได้ คาร์โรล ล็อกหลบสมอลลิง ป้ายให้เจอร์ราร์ด ลากตะลุยขึ้นไปยิง แต่บอลเหินข้ามคานออกไป
"ผีแดง" ค่อยๆบุกขึ้นมาจนในที่สุดก็ได้ประตูตีเสมอ 1-1 ราฟาเอล กระชากหนีตัวเอ็นริเก ถึงสุดริมเส้นก่อนเปิดตัดเข้ากลางให้ปาร์ค วอลเลย์ด้วยขวาบอลซุกตาข่ายสวยงาม ซึ่งหลังจากนั้นไม่มีฝ่ายใดยิงประตูเพิ่มได้ จบครึ่งแรกเสมอกันอยู่ที่ 1-1
ครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล เกือบได้ประตูขึ้นนำอีกครั้งนาที 56 สมอลลิง เคลียร์บอลในเขตโทษพลาดเข้าทางคาร์โรล ก่อนลากเข้าไปยิงระยะ 3 หลา แต่ยังติดบล็อคของอีแวนส์ ที่ตามประกบติดออกหลังไป จากนั้นแมนยูฯ ได้จังหวะส่วนกลับ คาร์ริค กระดกบอลให้เวลเบ็ค เลี้ยงจี้หลบเรนา แต่บอลห่างตัวโดนสเคอร์เทล วิ่งไปเคลียร์ออกทันเวลา
รูปเกมเจ้าถิ่นไม่ดีขึ้น ร้อนถึง เคนนี ดัลกลิช กุนซือลิเวอร์พูล แก้เกมส่งเดิร์ก เคาท์ และ ชาร์ลี อดัม ลงเล่นแทน มักซี โรดริเกซ และ เจมี คาร์ราเกอร์ นาที 62 และจากนั้นทีมได้ลุ้นฟรีคิกระยะ 28 หลา หลังราฟาเอล ไปทำฟาล์วหน้าเขตโทษพร้อมโดนใบเหลืองเป็นที่ระลึก เจอร์ราร์ด รับหน้าที่สังหารแต่บอลเข้ามือ เด เคอา
นาที 71 เคร็ก เบลลามี ถูกส่งลงมาแทนที่ของ เจอร์ราร์ด ที่ดูมีปัญหาบาดเจ็บเล็กน้อย ขณะที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เปิดหน้าแลกไม่ยอมแพ้จับ ฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ ลงแทน พอล สโคลส์ และเปลี่ยนแผนมาใช้หน้าคู่ นาที 78 ราฟาเอล เปิดฟรีคิกริมเส้นด้านขวา บอลเข้ากลางแนวรับหงส์แดง เคลียร์ออกมาเข้าทาง คาร์ริค วิ่งมาซัดแถวสองแต่บอลหลุดเสาแรกน่าเสียดาย
เกมทำท่าจะจบลงที่ผลเสมอ แต่นาที 88 "เดอะ ค็อป" ได้เฮลั่นสนาม เรนา เปิดบอลจากหน้าประตูยาวเข้ามา เอฟรา ทำพลาดปล่อยบอลตกพื้นให้ เคาท์ โฉบเข้ามายิงประตูชัยให้ลิเวอร์พูล ขึ้นนำอีกครั้งเป็น 2-1 และเคาท์ ก็เกือบบวกเพิ่มให้ทีมอีกเม็ดแต่พลาดไป จบเกม ลิเวอร์พูล เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไปได้ 2-1 ผ่านเข้าไปเล่นรอบ 16 ทีมสุดท้ายได้เป็นที่เรียบร้อย
ส่วนผลอีกคู่ที่จบลงไปก่อนหน้า "ทหารเสือราชินี" ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส พ่ายคารังต่อ เชลซี 0-1 โดยเกมนี้ทีมเยือนได้ประตูชัยจากลูกจุดโทษของ ฆวน มาตา นาทีที่ 62 ซึ่งผลดังกล่าวทำให้ลูกทีม "สิงห์บลู" ของอังเดร บียาส โบอาส ผ่านเข้าไปเล่นรอบ 16 ทีมสุดท้ายตามความคาดหมาย
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล : โชเซ เรนา,เจมี คาร์ราเกอร์,แดเนียล แอกเกอร์,มาร์ติน สเคอร์เทล,โชเซ เอ็นริเก,มาร์ติน เคลลี,สตีเวน เจอร์ราร์ด,สจ๊วต ดาวนิง,มักซี โรดริเกซ,จอร์แดน เฮนเดอร์สัน,แอนดี คาร์โรล
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : ดาบิด เด เคอา,ปาทริซ เอฟรา,ราฟาเอล ดา ซิลวา,จอห์นนี อีแวนส์,คริส สมอลลิง,ไมเคิล คาร์ริค,ไรอัน กิ๊กส์,พอล สโคลส์,ปาร์ค จี ซอง,อันโตนิโอ วาเลนเซีย,ดาเนียล เวลเบ็ค
ผลฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบ 4 คืนวันเสาร์ที่ 28 ม.ค. 55
ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส 0-1 เชลซี
ลิเวอร์พูล 2-1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
แบล็คพูล 1-1 เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์
โบลตัน 2-1 สวอนซี
ดาร์บี เคาน์ตี 0-2 สโต๊ค ซิตี
ฮัลล์ ซิตี 0-1 ครอวลีย์ ทาวน์
เลสเตอร์ ซิตี 2-0 สวินดอน ทาวน์
มิลวอลล์ 1-1 เซาแธมป์ตัน
เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 0-4 เบอร์มิงแฮม ซิตี
สเตเวเนจ 1-0 น็อตส์ เคาน์ตี
เวสต์บรอมวิช อัลเบียน 1-2 นอริช ซิตี
ไบรธ์ตัน 1-0 นิวคาสเซิล