xs
xsm
sm
md
lg

ไทย 1-3 สั่งลาคิงส์คัพ, โสมแชมป์สมัย 11

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สุมัญญา ปุริสาย ถูก อันเดรียส บีเยลลันด์ กระแทกจนไปไม่เป็น
ขุนพลนักเตะทีมชาติไทย พยายามอย่างสุดความสามารถแต่ไม่อาจต้านทานความแข็งแกร่งของ เดนมาร์ก ได้ก่อนพ่ายไป 1-3 สั่งลานัดสุดท้ายในฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพครั้งที่ 41 ขณะที่ เกาหลีใต้ ชุดยู-23 ไล่ต้อน นอร์เวย์ 3-0 คว้าแชมป์ไปครองเป็นสมัยที่ 11

ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 41 นัดสุดท้าย
ไทย 1-3 เดนมาร์ก

ที่สนามราชมังคลากีฬาสถานเป็นการแข่งขันฟุตบอลคิงส์คัพครั้งที่ 41 นัดสุดท้าย ซึ่งวันนี้มี พลเรือเอก ชุมพล ปัจจุสานนท์ องคมนตรี เดินทางมาเป็นผู้แทนพระองค์เพื่อมอบถ้วยรางวัลชนะเลิศด้วย ขณะที่ ไทย ลงสนามในคู่ที่สองพบ เดนมาร์ก ซึ่งเกมนี้เจ้าถิ่นใช้ กวิน ธรรมสัจจานันท์ ลงเฝ้าแทน สินทวีชัย หทัยรัตนกุล ส่วน อภิเชษฐ์ พุฒตาล, ปิยะชาติ ถามะพันธ์ และ สุรชาติ สารีพิมพ์ ได้โอกาสลงเป็นตัวจริงตั้งแต่ต้น ด้านทีมเยือนมี มัดส์ อัลเบ็ค เป็นจอมทัพแดนกลาง และ มาคิน็อค คริสตอฟเฟอร์เซน ยืนหน้าเป้า

เปิดฉากมาได้เพียง 7 นาที “ช้างศึก” ก็ได้โอกาสยิงครั้งแรกของเกม เมื่อ สุมัญญา ปุริสาย ลองส่องด้วยซ้ายหน้าเขตโทษ แต่บอลหลุดเสาแรกออกหลัง แต่แล้วนาทีที่ 10 “โคนม” กลับเป็นฝ่ายขึ้นนำก่อน 1-0 จากจังหวะที่ได้ลูกเตะมุมทางขวา อัลเบ็ค เปิดมาให้ คริสตอฟเฟอร์เซน โขกเต็มหัวผ่านมือ กวิน ตุงตาข่าย จากนั้น ไทย เกือบตีเสมอได้ในนาทีที่ 18 โดย อภิเชษฐ์ เติมขึ้นมาเก็บบอลทางฝั่งขวาแล้วเปิดลึกทำท่าจะเข้าเสาแรก แต่ ยาสเปอร์ ฮาเซน ยังไม่เผลอล้มตัวคว้าเอาไว้ได้

ถึงนาทีที่ 21 ทัพลูกหนังแห่งลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาประสานงานกันได้อย่างยอดเยี่ยมก่อนที่ สุรัตน์ สุขะ จะแทงทะลุช่องให้ สุมัญญา หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปตะบันในเขตโทษแบบเหน่งๆ แต่ ฮาเซน ยังยืนตำแหน่งดีพุ่งปัดเอาไว้ได้ ทำให้ ไทย ชวดตีเสมออย่างน่าเสียดาย จากนั้นนาทีที่ 25 สุรชาติ ได้รับบาดเจ็บที่หลังจากการแย่งโหม่งกับกองหลังเดนมาร์กจนเล่นต่อไม่ไหว ทำให้ วินฟรีด เชเฟอร์ ต้องเข็น ธีรศิลป์ แดงดา ดาวยิงมือหนึ่งลงสนามแทนในนาทีที่ 30 แต่แล้วนาทีที่ 43 มาร์ติน สเปลมันน์ ก็หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงสวนตัว กวิน ตุงตาข่ายให้ “โคนม” นำห่าง 2-0 ก่อนจบ 45 นาทีแรก

เข้าสู่ครึ่งหลัง “ช้างศึก” มาได้ลูกจุดโทษในนาทีที่ 51 เมื่อ “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา ถูก อันเดรียส บีเยลลันด์ ทำฟาวล์จากด้านหลังล้มลงในเขตโทษก่อนที่ สุมัญญา ปุริสาย จะรับหน้าที่สังหารเข้าไปอย่างเด็ดขาดไล่มาเป็น 1-2 อย่างไรก็ตาม นาทีที่ 58 สุรัตน์ มีปัญหาบาดเจ็บอีกรายจนต้องเปลี่ยนตัวออกแล้วให้ จิรวัฒน์ มัครมย์ ลงไปทำเกมตรงกลางแทน จากนั้น ชาตรี ฉิมทะเล ก็ถูกส่งลงมาแทน สุมัญญา เพื่อเติมกองหน้าเข้าไปหวังกดดันทำประตูตีเสมอให้ได้

นาทีที่ 88 ไทย หวิดถูกทะลวงตาข่ายเพิ่มจากจังหวะที่ถูกโต้กลับ ก่อนที่ นิคลาส เฮเลนิอุส ศูนย์หน้าตัวสำรองจะได้สับไกในเขตโทษ แต่ กวิน ยังไม่พลาดล้มตัวปัดด้วยมือเดียวเอาไว้ได้ ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ "โคนม" ได้ประตูปิดบัญชีเด็ดขาดจาก มาร์ติน ออร์นสคอฟ ตัวสำรองอีกราย จบเกม เดนมาร์ก เอาชนะไป 3-1 เก็บเพิ่มเป็น 5 คะแนน คว้าอันดับ 2 ส่วน ไทย ได้อันดับ 4 แข่ง 3 นัดไม่มีคะแนน

รายชื่อผู้เล่น 11 คนแรกของทั้งสองทีม
ไทย – ผู้รักษาประตู กวิน ธรรมสัจจานันท์ กองหลัง อภิเชษฐ์ พุฒตาล (ศุภชัย คมศิลป์ แทน นาที 46), ชลทิตย์ จันทคาม (กัปตันทีม), เจษฎา จิตสวัสดิ์, ปิยะชาติ ถามะพันธ์ กองกลาง สุรีย์ สุขะ, สุรัตน์ สุขะ (จิรวัฒน์ มัครมย์ แทน นาที 60), สุมัญญา ปุริสาย (ชาตรี ฉิมทะเล แทน นาที 68), พิชิตพงษ์ เฉยฉิว, ธีรเทพ วิโนทัย (เอกพันธ์ อินทเสน แทน นาที 34) กองหน้า สุรชาติ สารีพิมพ์ (ธีรศิลป์ แดงดา แทน นาที 30)

เดนมาร์ก – ผู้รักษาประตู ยาสเปอร์ ฮาเซน กองหลัง ปีเตอร์ นีมันน์, ลาสเซ นีลเซน, อันเดรียส บีเยลลันด์ (กัปตันทีม) (โยเรส โอโคเร แทน นาที 64), พาทริค เอ็มทิลิกา กองกลาง โทเบียส มิคเคลเซน (ลูคัส อันเดอร์เซน แทน นาที 31), มัดส์ อัลเบ็ค (มาร์ติน ออร์นสคอฟ แทน นาที 71), เอมิล ลาร์เซน, มาร์ติน สเปลมันน์, ยาค็อบ โพลเซน (คาสเปอร์ ลอเรนท์เซน แทน นาที 46) กองหน้า มาคิน็อค คริสตอฟเฟอร์เซน (นิคลาส เฮเลนิอุส แทน นาที 81)



ส่วนผลคู่แรก เกาหลีใต้ ชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ภายใต้การคุมทีมของ ฮง เมียง โบ โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมด้วยการถล่ม นอร์เวย์ 3-0 โดยได้ประตูจาก คิม โบ คยอง สังหารจุดโทษในนาทีที่ 19, คิม ฮยอน ซอง ยิงหักข้อในเขตโทษด้านซ้ายเสียบหน้าต่างเสาสองในนาทีที่ 21 และ โซว จอง จิน หลุดเข้าไปแปเสียบสามเหลี่ยมเสาไกลในนาทีที่ 59 ทำให้ “โสมขาว” มี 7 คะแนน คว้าแชมป์ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 41 ไปครอง และถือเป็นแชมป์สมัยที่ 11 อีกด้วย ส่วน "ไวกิ้ง" ได้อันดับ 3 มี 4 คะแนน
สุมัญญา ปุริสาย สังหารจุดโทษกู้หน้าให้ ไทย



กองเชียร์ โคนม มาน้อยแต่ได้เริงร่า
ส่วนหนึ่งของบรรยากาศอันหงอยเหงาที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน
กำลังโหลดความคิดเห็น