วินฟรีด เชเฟอร์ กุนซือชาวเยอรมันยอมรับคำขอโทษของ สมปอง สอเหลบ กองหน้าจาก บุรีรัมย์ เอฟซี ที่ออกมาแถลงข่าวสำนึกผิดกรณีเมาแล้วขับจนเกิดคดี แต่จะยังไม่เรียกกลับมาติดทีมชาติไทยจนกว่าจะพิสูจน์ตัวเองได้ว่าสภาพร่างกายมีความฟิตสมบูรณ์ และกลับตัวกลับใจเป็นคนใหม่เสียก่อน
โดย “วินนี” ที่ประกาศตัดหางปล่อยวัด “เจ้าปอง” ซึ่งทำผิดวินัยด้วยการออกไปจากแคมป์เก็บตัว “ช้างศึก” โดยไม่บอกกล่าวก่อนดื่มเบียร์จนมีปริมาณแอลกอฮอล์เกินระดับที่กฎหมายกำหนดและยังไปพัวพันกับคดีชนแล้วหนี แย้มถึงการให้โอกาสอีกครั้งกับดาวเตะวัย 25 ปีว่า “ผมยอมรับคำขอโทษ แต่โอกาสที่เขาจะได้กลับมาเล่นให้ทีมชาติไทยนั้นขึ้นอยู่กับว่าเขาจะปรับปรุงตัวได้หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องสภาพความฟิตของร่างกาย ซึ่งผมจะเฝ้าติดตามดูอย่างใกล้ชิดในฤดูกาลหน้า”
“สิ่งที่เขาทำผิด คือ การไม่เคารพต่อทีม เพราะ ไทย ยังมีเกมฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 3 นัดสุดท้ายของกลุ่มดีที่จะออกไปเยือน โอมาน ในวันที่ 29 กุมภาพันธ์นี้อยู่ ซึ่งผมอยากให้เขาดู “โน้ต” (จักรพันธ์ แก้วพรม) ที่ลงเล่นมาตลอดจนถึงนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ แต่ก็ยังเล่นให้ทีมชาติไทยได้โดยไม่บกพร่องเป็นตัวอย่าง ความจริงนักเตะไทยมีศักยภาพสูงแต่ยังถูกดึงออกมาใช้ไม่หมดเนื่องจากระดับความฟิตยังไม่ถึงขั้น นี่คือสิ่งที่ต้องแก้ไข ส่วนเรื่องวินัยของการเป็นนักเตะทีมชาติไทย ผมบอกได้เพียงแค่ว่าคุณเป็นผู้ใหญ่แล้ว ต้องมีความรับผิดชอบ ไม่จำเป็นต้องให้ผมจับตาดูทุกฝีก้าว แต่คุณต้องดูแลตัวเองให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก” เฮดโค้ชวัย 62 ปี ย้ำ
ส่วนเรื่องผลการแข่งขันที่ "ช้างศึก" พ่าย นอร์เวย์ 0-1 ทำให้หมดลุ้นแชมป์ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์ คัพ ครั้งที่ 41 แน่นอนแล้ว หลังจากลงสนาม 2 นัดยังไม่มีคะแนน ขณะที่ เกาหลีใต้ และ "ไวกิง" เก็บไปแล้ว 4 แต้ม เชเฟอร์ กล่าวว่า "ก่อนเกมนี้ผมอยากได้ชัยชนะ แต่น่าเสียดายทีทำไม่สำเร็จ แม้จะเล่นดีกว่านัดเจอ เกาหลีใต้ แต่จังหวะสุดท้ายของเรายังคงไม่เด็ดขาดพอเหมือนหลายๆ ครั้งก่อนหน้านี้"
"คนที่เล่นดีก็คือ "มุ้ย" (ธีรศิลป์ แดงดา) ที่ลงมาช่วยเก็บบอลข้างหน้าได้มากขึ้น แต่การส่งลงสนามถือเป็นการเสี่ยงไม่น้อย อย่างไรก็ตาม ผมคิดเรื่องการดูแลเขาเอาไว้แล้ว ขณะเดียวกัน พิชิตพงษ์ เฉยฉิว ก็สามารถทำหน้าที่ได้ดีในแดนกลาง ซึ่งเราต้องใช้พละกำลังสู้กับความแข็งแกร่งที่ นอร์เวย์ มีมากกว่า สำหรับประตูที่เสียไปเกิดจากการทำฟาวล์จนเสียลูกฟรีคิกโดยไม่จำเป็นนำมาสู่ประตูตัดสินเกม แต่เรื่องดีก็คือรูปเกมของเราทำได้ดีกว่าในนัดแรก (แพ้ เกาหลีใต้ ยู-23 ปี 1-3) ซึ่งแม้เราจะพลาดแชมป์ แต่ก็จะเล่นอย่างเต็มที่กับ เดนมาร์ก"
ด้าน เอกิล โอลเซน กุนซือนอร์เวย์ที่เคยปะทะกับทีมชาติไทยในฐานะผู้เล่นเมื่อ 47 ปีก่อนให้สัมภาษณ์ว่า "เมื่อเทียบเกมนี้กับ 47 ปีที่แล้วถือว่า ไทย พัฒนาขึ้นจากเดิมมาก รวมทั้งเล่นได้ดีขึ้นจากนัดแรกที่เจอ เกาหลีใต้ โดยเฉพาะครึ่งหลัง ถ้าพวกเขาโชคดีมากกว่านี้บางทีอาจจะมีโอกาสเสมอก็เป็นได้ ส่วนเกมหน้าเราจะพยายามเอาชนะ เกาหลีใต้ ให้ได้เพื่อคว้าแชมป์ แม้จะไม่ใช่งานง่ายก็ตาม"
