สมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) ชี้แจงสาเหตุที่ลงโทษแบน หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้า ลิเวอร์พูล ยาวถึง 8 นัดในคดีเหยียดผิว ปาทริซ เอฟรา กองหลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ว่าดาวยิงอุรุกวัยกระทำความผิดจริงตามพยานหลักฐานต่างๆ พร้อมระบุด้วยว่าคำแก้ต่างของ ซัวเรซ ระหว่างการสอบสวนขาดความน่าเชื่อถือ
หนังสือรายงานผลการสอบสวนจำนวน 115 หน้าของคณะกรรมการทางวินัย เอฟเอ ที่ออกมาเมื่อวันที่ 31 ธ.ค.ที่ผ่านมา ระบุว่า ซัวเรซ ใช้คำว่า "นิโกร" กับ เอฟรา ไม่ต่ำกว่า 7 ครั้ง ระหว่างเกมพรีเมียร์ชิป อังกฤษ นัดแดงเดือด ที่ ลิเวอร์พูล ฟาดแข้งกับ แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา
รายงานยังเปิดเผยหลักฐานของ เอฟรา ที่แสดงต่อคณะกรรมการทางวินัย เอฟเอ โดยกองหลังเลือดน้ำหอมกล่าวหาว่าถูก ซัวเรซ เตะระหว่างเกมจึงได้ถามว่าทำไมจึงเตะเขา ซึ่งหัวหอกฟันกระต่ายตอบกลับเป็นภาษาสเปนว่า "เพราะแกตัวดำ" นอกจากนี้เมื่อ เอฟรา เตือนว่าถ้าพูดอีกจะโดนต่อย ซัวเรซ ตอบกลับว่า "ฉันไม่พูดกับคนดำ" ขณะที่ ซัวเรซ แก้ต่างข้อกล่าวหากับคณะกรรมการสอบสวนว่าการใช้คำว่า "นิโกร" ของตนเองไม่ได้เป็นการด่า เอฟรา
คณะกรรมการสอบสวนฯ ระบุในรายงานว่าคำแก้ต่างของอดีตกองหน้าอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัมไม่มีความน่าเชื่อถือและเมื่อพิจารณาจากหลักฐานอื่นๆแล้วก็พบว่ากระทำผิดจริงจึงได้ตัดสินลงโทษแบน 8 นัดและปรับเงินอีก 4 หมื่นปอนด์ (ประมาณ 2 ล้านบาท)
"ปาทริซ เอฟรา เป็นพยานที่น่าเชื่อถือ เขาชี้แจงหลักฐานของเขาอย่างใจเย็นและชัดเจน โดยส่วนใหญ่สอดคล้องต้องกัน แม้ว่าทั้งคู่คือ เขาและ หลุยส์ ซัวเรซ อาจจำรายละเอียดทั้งหมดไม่ได้ ขณะที่หลักฐานของ ซัวเรซ ไม่น่าเชื่อถือ ส่วนใหญ่ไม่สอดคล้องต้องกันกับหลักฐานอื่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งวิดีโอเทป" ข้อความบางส่วนจากรายงานของ เอฟเอ
ทั้งนี้ หลังจากมีหนังสือยืนยันบทลงโทษจาก เอฟเอ ทำให้ ซัวเรซ มีเวลาถึงวันที่ 13 มกราคมนี้เพื่อยื่นเรื่องอุทธรณ์โทษแบน