คอลัมน์ ON TRACK โดย เด็กปั๊ม
อีกหนึ่งข่าวเซอร์ไพรส์วงการความเร็วเมืองไทยในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมาคือการประกาศคัมแบ็คของ "เจ้าโฟล์ท" รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ น้องชายของ "ฟีม" รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดหนึ่งเดียวของไทยในศึกมอเตอร์ไซค์ชิงแชมป์โลก ซึ่งที่บอกว่าเซอร์ไพรส์เป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้โฟล์ทเองมีทีท่าที่จะอำลาวงการบิดไปแบบถาวรเมื่อมุ่งสมาธิไปที่การเรียนในระดับอุดมศึกษาอย่างเดียวเท่านั้น
โดยก่อนหน้านี้หากย้อนไป 1 ปีให้หลัง นักบิดวัย 19 ปี ที่ได้รับการจับตามองจากวงการบิดทางเรียบ 2 ล้อเมืองไทย ว่าจะก้าวขึ้นมาแข่งขันเคียงข้างพี่ชายในเวทีระดับโลก ออกอาการบอกปัดการแข่งขันแทบจะทุกรายการ เพื่อทุ่มสมาธิไปให้กับการเรียนที่เพิ่งจะเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) ในคณะบริหารธุรกิจ จนผู้ใหญ่ในวงการต่างถอดใจว่าอาจไม่ได้เห็นลีลากการบิดอันดุดันที่ถอดแบบมาจากคุณพ่อคริสมาสอีกต่อไป
อย่างไรก็ดี "เด็กปั๊ม" มีโอกาสได้พูดคุยกับอีกหนึ่งทายาทคนกลางของ "น้าจั๊บ" คริสมาส วิไลโรจน์ ตำนานนักบิดไทยผู้ล่วงลับ หลังจากที่โฟลท์เองได้ตัดสินใจคัมแบ็ค พร้อมกับนำรถฮอนด้าซีบีอาร์ 600 เบอร์ 28 คู่ใจลงมาเคาะสนิมที่สนามพีระ เซอร์กิต เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. ที่ผ่านมา ถึงเหตุผลสำคัญที่ตัดสินใจกลับมาสวมชุดแข่งใส่หมวกกันน็อกลงบิดรถมอเตอร์ไซค์บนแทร็กอีกครั้ง ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่ากลับมาด้วยความตั้งใจจริงและไม่ได้มีใครบังคับ
โฟล์ท ยอมรับครับว่า ช่วงก่อนหน้านี้ตนเองค่อนข้างกังวลกับเรื่องการเรียนที่เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ทำให้ต้องบอกปัดการแข่งขันในทุกๆรายการ รวมถึงปัดโอกาสที่จะได้เป็นตัวแทนของพี่ฟีมในการบิดขัดตาทัพรุ่นโมโตทูที่สนามเซปัง ประเทศมาเลเซีย เมื่อช่วงท้ายฤดูกาลที่ผ่านมาอีกด้วย ก่อนที่หวยในรายการนั้นจะไปตกที่ "เจ้าแสตมป์" อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ อีกหนึ่งนักบิดดาวรุ่ง ที่ต้องลงแข่งขันแบบไม่ทันตั้งตัว
ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป เรื่องของเวลาการจัดตารางเวลาเรียนที่เอแบคลงตัวขึ้น ทำให้โฟล์ทเองอดไม่ได้ที่จะคิดถึงอีกหนึ่งความฝันของตัวเอง ประกอบกับเมื่อความเป็นนักบิดมันอยู่ในสายเลือด รวมถึงยังมี "ทิดฟีม" ที่เพิ่งจะลาสิกขาบทเป็นแรงบันดาลใจ ทำให้โฟล์ทบอกเลยว่า กลับมาครั้งนี้ถือว่าเอาจริง และเป็นการตัดสินใจของตนเองล้วนๆ โดยที่ไม่ได้มีผู้ใหญ่คนไหนมาบังคับแต่อย่างใด
ขนาดพี่ชายแท้ๆอย่างฟีมเองยังอดแปลกใจไม่ได้กับการกลับมาคืนสนามของน้องชายในครั้งนี้ พร้อมกับมองโอกาสในอาชีพนักบิดให้กับน้องว่า กลับมาคราวนี้โฟล์ทควรจะต้องเร่งเรียกความฟิตของร่างกาย และหาลู่ทางเพื่อไปแข่งขันในต่างประเทศให้เร็วที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันในระดับชิงแชมป์เอเซีย ที่ เดชา ไกรศาสตร์ ของไทยเคยสร้างชื่อมาแล้วร่วมกับค่ายยามาฮ่าในปี 2010 หรือจะให้ดีก็ควรจะขยับไปแข่งที่สเปน ในรายการสแปนิช แชมเปียนชิป เพราะที่นั่นถือเป็นจุดเริ่มของนักบิดในเวิลด์ จีพีหลายต่อหลายคน
งานนี้ โฟล์ท ยืนยันกับผมเองครับว่า เป้าหมายสูงสุดยังอยู่ที่การแข่งขันในระดับจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลกเหมือนกับพี่ชาย ซึ่งหากเจ้าตัวสั่งสมประสบการณ์และได้รับการสนับสนุนที่ดีจากต้นสังกัด ไม่แน่ในอนาคตเราอาจเห็น "วิไลโรจน์ บราเธอร์ส" ไปโลดแล่นอยู่บนแทร็กความเร็วระดับโลกพร้อมกันก็เป็นได้ ทำเป็นเล่นไปครับ