เอเยนซี-หลังจบการแข่งขัน ดูไบ เวิลด์ แชมเปียนชิป เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งแชมป์เป็นของโปรชาวสเปน อัลบาโร กีรอส หากแต่ความสำเร็จสูงสุดกลับตกมาที่ ลุค โดนัลด์ โปรชาวอังกฤษที่ปัจจุบันรั้งตำแหน่งนักกอล์ฟหมายเลขหนึ่งโลก เพราะแม้จะจบเพียงอันดับ 3 บนสนาม จูไมราห์ กอล์ฟ เอสเตทส์ แต่ผลงานดังกล่าวก็เพียงพอที่จะทำให้ชื่อของเขาถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ของวงการกอล์ฟอาชีพในฐานะโปรทำเงินสูงสุดของทั้ง ยูเอส พีจีเอ และ ยูโรเปียน ทัวร์ นับเป็นการปิดท้ายฤดูกาลอย่างงดงามของโปรวัย 34 ปี ขณะที่เจ้าตัวเผยเป้าหมายในอนาคนอันใกล้คือการคว้าแชมป์เมเจอร์แรกมาครองให้ได้ในฤดูกาล 2012
นับเป็นการปิดฤดูกาลอย่างสวยงามสำหรับ โดนัลด์ ที่รั้งอันดับ 1 เวิลด์กอล์ฟแรงกิ้ง ขณะเดียวกันยังสามารถสร้างประวัติศาสตร์ควบตำแหน่งมือ 1 ของ 2 ทัวร์จากการทำเงินสะสมสูงสุดคือ พีจีเอ 6,683,214 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 207 ล้านบาท) และ ยูโรเปียน 4,216,226 ยูโร (ประมาณ 168 ล้านบาท) นอกจากนี้ยังมีส่วนแบ่งจากเงินพิเศษที่จบ 15 อันดับแรกรายการ "ดูไบ เวิลด์ แชมเปียนชิป" โดยคว้าอันดับ 3 สกอร์ 16 อันเดอร์พาร์ตามหลังแชมป์ 3 สโตรก
เมื่อถูกถามว่าอะไรคือกุญแจสำคัญที่นำมาสู่ความสำเร็จในปี 2011 โดนัลด์ ผู้ซึ่งทำผลงานจบท็อปเทน 20 จากทั้งหมด 26 รายการที่ลงแข่งขันทั่วโลก ตอบว่า "การมีจริยธรรมที่ดีในการทำงาน แวดล้อมด้วยคนดีๆที่ผลักดันให้ผมทำงานหนัก และทุกครั้งที่คุณประสบความสำเร็จ ก็ยิ่งทำให้คุณเชื่อมั่นต่อตัวคุณเองมากขึ้น ผมเล่นอย่างคงเส้นคงวาตลอดปีนี้ คว้าแชมป์ 4 รายการและเล่นช็อตที่ถูกต้องในเวลาที่เหมาะสม นี่เป็นข้อยืนยันถึงการทำงานอย่างหนักและผมรู้สึกดีจริงๆที่มันให้รางวัลตอบแทนกลับคืนมา"
สำหรับสถิติเบิ้ลมือ 1 ทั้ง 2 ทัวร์ของ โดนัลด์ ถือว่ายิ่งใหญ่เทียบเท่ากับสถิติระดับตำนานที่ยังไม่เคยมีใครลบได้อย่าง ไบรอน เนลสัน ที่คว้าแชมป์ติดต่อกันได้ถึง 11 รายการ หรือ การคว้าแชมป์รายการเมเจอร์ได้ครบทั้ง 4 รายการในฤดูกาลเดียวของ บอบบี้ โจนส์ รวมไปถึงสกอร์ 15 อันเดอร์พาร์ ที่ทำให้ไทเกอร์ วูดส์ คว้าแชมป์ ยูเอส โอเพนปี 2000
เริ่มต้นปี 2011 โดนัลด์ รั้งมือ 9 ของโลก ขณะที่ไร้แชมป์บนแผ่นดินสหรัฐฯตั้งแต่ปี 2006 และแชมป์ มาดริด มาสเตอร์ส เมื่อปีก่อนก็ถือเป็นโทรฟี ยูโรเปียน ทัวร์ ใบแรกรอบ 6 ปีกล่าวอย่างไม่เชื่อในผลงาานตัวเองว่า "ไม่ใช่สิ่งที่ผมคิดถึงเลยเมื่อย้อนไปต้นฤดูกาล ผมจำได้ว่า เออร์นี เอลส์ (อดีตโปรมือ 1 ของโลกชาวแอฟริกาใต้) เคยพูดถึงเรื่องนี้ครั้งหนึ่งว่ามันยากเพียงใดที่ใครจะทำได้ แต่ขณะเดียวกันมันก็น่าพอใจเพียงใดถ้าหากทำสำเร็จ"
สำหรับความสำเร็จของ โปรวัย 34 ปีชาวอังกฤษนั้นคงต้องยกให้กับความสม่ำเสมอในการสร้างผลงานของเจ้าตัวในรอบปี 2011 โดยการคว้าแชมป์จากสี่รายการใหญ่ (ดับเบิลยูจีซี เอคเซนเจอร์ แมทช์เพลย์, บีเอ็มดับเบิลยู พีจีเอ แชมเปี้ยนชิป,บาร์เคลย์สก๊อตติช โอเพ่น และ ชิลเดรนส์ มิราเคิล เนตเวิร์ค คลาสสิก) นอกจากนี้ผลงานในระดับเมเจอร์ โดนัลด์ สามารถรักษามาตรฐานอยู่ในระดับท็อป 10 ในสองจากสี่รายการ (อันดับ 4 ร่วมในเดอะมาสเตอร์ส และ อันดับ 8 ร่วมในพีจีเอแชมเปี้ยนชิป) และถ้าดูผลงานของโดนัลด์ให้ลึกลงไปจะพบว่าฤดูกาล 2011 โปรชาวอังกฤษไม่ผ่านการตัดตัวเพียงแค่สองรายการ ขณะที่ผลงานใน 21 สนามอันเป็นทัวร์นาเมนท์แบบสโตรกเพลย์โปรชาวอังกฤษที่มีอันดับที่อยู่นอกท็อป 10 ของลีดเดอร์บอร์ดเพียงแค่ 4 รายการ
ด้วยผลงานดังกล่าวทำให้ โดนัลด์ มีความมั่นใจมากขึ้น และตั้งเป้าในการคว้าแชมป์เมเจอร์แรกในชีวิตมาครองให้ได้ในฤดูกาล 2012 "เมื่อใดก็ตามที่คุณสามารถหาช็อตที่ถูกต้องมาแก้ไขยามที่คุณเจอสถานการณ์ที่คับขันได้นั่นหมายถึงโอกาสจะกลับมาอยู่ในมือคุณอีกครั้ง และผมหวังว่าจะสามารถใช้กุญแจแห่งความสำเร็จในครั้งนี้ไปสู่การคว้าแชมป์เมเจอร์สักหนึ่งหรือสองรายการที่กำลังมา ผมจะจดจำทุกความรู้สึก ทุกประสบการณ์ในปีนี้และพัฒนาให้ดีขึ้นไปอีกในฤดูกาลหน้า"
ทั้งนี้การครองสถิติของ โดนัลด์ ในฐานะโปรทำเงินสูงสุดทั้งในยูเอส พีจีเอ และ ยูโรเปี้ยนทัวร์นั้นถูกวิเคราะห์จากสื่อสายกอล์ฟทั้งในสหรัฐอเมริกาและ ยุโรปว่าจะเป็นสถิติที่ยากจะหาผู้มาทำลายเนื่องจาก เป็นการสร้างผลงานจากความสำเร็จอย่างสม่ำเสมอและต้องอาศัยระยะเวลาตลอดทั้ง 12 เดือนของการแข่งขันกว่า 21 รายการในสองทัวร์นาเมนท์เพื่อให้ได้มาซึ่งสถิติอันเป็นประวัติศาตร์ ซึ่งนั่นหมายถึงฤดูกาล 2012 แฟนกอล์ฟทั่วโลกจะได้จดจำชื่อของ ลุค โดนัลด์ ในฐานะดับเบิลนัมเบอร์วัน ผู้ทำสูงสุดทั้งในยูเอส พีจีเอ และ ยูโรเปี้ยนทัวร์” ไปอีกหนึ่งปีเต็ม
