"บิ๊กเป้" รณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผู้อำนวยการกีฬาสโมสรเมืองทองฯยูไนเต็ด ดีกรีแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก 2 สมัยซ้อน มั่นใจประสบการณ์ที่เคยเล่นบอลถ้วยใหญ่ที่สุดของเอเชีย 2 สมัย จะช่วยทีมมีโอกาสคว้าโควต้า เอเอฟซี แชมเปียนลีก ไม่ว่าจะเป็นการลุ้นแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก หรือ แชมป์เอฟเอคัพ และรั้งรองจ่าฝูงไทยพรีเมียร์ลีก เชื่อหากได้สิทธิ์มีโอกาสผ่านเข้ารอบแน่นอน
ภายหลังจากที่ สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือ เอเอฟซี ให้โควต้าฟุตบอล เอเอฟซี แชมเปียนลีกส์ 1 ทีมเล่นรอบสุดท้ายโดยอัตโนมัติ และ 1 ทีมเล่นรอบเพลย์ออฟ แก่สโมสรฟุตบอลในประเทศไทย โดยทีมที่จะได้เข้าไปเล่น เอเอฟซี แชมเปียนลีกส์ รอบสุดท้ายอัตโนมัติ 1 ทีม คือ แชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก ส่วนโควต้ารอบเพลย์ออฟ 1 ทีม นั่นคือ จะให้กับทีมแชมป์เอฟเอคัพ แต่หากว่าทีมแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก และ แชมป์ เอฟเอ คัพ เป็นทีมเดียวกัน โควต้า เอเอฟซี แชมเปียนลีก รอบเพลย์ออฟ 1 ทีม ก็จะเป็นของทีมรองแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีกนั้น
เรื่องนี้ "บิ๊กเป้" รณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผู้อำนวยการกีฬา สโมสรเมืองทองฯยูไนเต็ด รองจ่าฝูง ไทยพรีเมียร์ลีก เปิดเผยว่า "เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่วงการฟุตบอลไทยมีการพัฒนามาตรฐานจน เอเอฟซี ให้โควต้าไปเล่นไปเล่นฟุตบอลถ้วยสูงสุดของเอเชีย คือ ถ้วยเอเอฟซี แชมเปียนลีก กับสโมสรของไทยเพิ่งเป็น 1 ทีมครึ่ง คือเข้ารอบอัตโนมัติ 1 ทีม และไปเพลย์ออฟอีก 1ทีม ต้องขอชมเชยการทำงานของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และ บริษัทไทยพรีเมียร์ลีก ที่ร่วมกันพัฒนา รวมทั้งทุกสโมสรที่อัพเกรดขึ้นมาจนเอเอฟซีเห็นว่าวงการฟุตบอลไทยก้าวไปข้างหน้าเทียบชั้นทีมดังของเอเชีย"
"ซึ่งการที่ได้เข้าไปเล่นเอเอฟซี แชมเปียนลีก อัตโนมัติ 1ทีม และเพลย์ออฟ 1 ทีมนั้น ก็จะช่วยยกมาตรฐานฟุตบอลไทยอย่างมาก นักเตะเราจะได้ไปเล่นกับสโมสรดังๆแถวหน้าของเอเชียอย่างญี่ปุ่น,เกาหลี,ออสเตรเลีย ,จีน หรือทีมจากตะวันออกกลาง นอกจากจะได้วัดระดับฝีเท้ากับสโมสรระดับหัวของเอเชีย , ช่วยพัฒนาฝีเท้านักเตะแต่ละสโมสรของไทยแล้ว ในเรื่องของชื่อเสียงประเทศ และเงินรางวัลที่จะตามมานั้นถือว่าสูงมาก เพราะการเข้าไปเล่นในเอเอฟซี แชมเปียนลีก แต่ละนัดจะมีเงินมากกว่าเอเอฟซีคัพหลายเท่า ทั้งการไปเยือนและเล่นในบ้าน"
นอกจากนี้ "บิ๊กเป้" กล่าวเสริมว่า "ในส่วนของทีมเมืองทองฯยูไนเต็ดนั้น ถือว่าเป็นข่าวดีมากที่เอเอฟซีให้โควต้าเพิ่ม ทำให้เรามีโอกาสเข้าไปเล่นเอเอฟซี แชมเปียนลีก เป็นสมัยที่ 3 โดย 2 ครั้งแรก เราเป็นแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก ได้ไปเพลย์ออฟ แต่ไปเยือนและก็ตกรอบถึง 2 ปี ครั้งนี้"
"แม้ว่าเราอยู่รองจ่าฝูง แต่ก็ยังมีหวังที่จะลุ้นแชมป์ นอกจากนี้เรายังมีเป้าหมายที่จะคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ เพื่อเอาโควต้าเพลย์ออฟ หรือหากไม่ได้แชมป์ไทยลีก เราก็จะพยายามรักษาตำแหน่งรองแชมป์เพื่อได้โควต้าเพลย์ออฟ เอเอฟซี แชมเปียนลีก เช่นกัน ซึ่งการที่เอเอฟซี ให้เครดิตประเทศไทย ถือว่าเป็นข่าวดีกับสโมสรเมืองทองฯเป็นอย่างมาก และก็จะทำให้นักเตะเรามีความฮึกเหิมมากขึ้นเพื่อไปเล่นถ้วยใหญ่ที่สุดของเอเชียเป็นสมัยที่ 3 ที่ผ่านมา 2 สมัย แม้เราจะตกรอบเพลย์ออฟ แต่เราได้เรียนรู้อะไรมากแล้ว เชื่อว่าหากเราได้เข้าไปเล่นสมัย 3 เรามีโอกาสผ่านเข้ารอบแน่นอน"
