"ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ พีอีเอ มั่นใจนัดล้างตา การท่าเรือไทย เอฟซี โวซิวแชมป์โตโยต้า ลีกคัพ 2011 ขณะที่ "ฉลามชล" ชลบุรี เอฟซี ถอดใจแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีกแต่ขอยึดรองจ่าฝูง พร้อมย้ำแชมป์เอฟเอ คัพ 2011
หลังจบการแข่งขันฟุตบอลโตโยต้า ลีกคัพ 2011 รอบก่อนรองชนะเลิศเมื่อช่วงค่ำวันเสาร์ที่ 1 ตุลาคม 2554 "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ พีอีเอ แม้พ่ายให้กับ "ฉลามชล" ชลบุรี เอฟซี 2-3 ในนัดที่สองทว่านัดแรก บุรีรัมย์ พีอีเอ ชนะ ชลบุรี เอฟซี 1-0 รวมผลสองนัดเสมอ 3-3 ทำให้ บุรีรัมย์ฯ ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโตโยต้า ลีกคัพ 2011 ด้วยกฏ Away Goal (กฏประตูทีมเยือน) ซึ่งจะเตรียมพบกับ การท่าเรือไทย เอฟซี ในรอบชิงชนะเลิศวันเสาร์ที่ 15 ตุลาคม 2011 ณ สนามศุภชลาศัย
โดย "โค้ชเฮง" วิทยา เลาหกุล กุนซือ "ฉลามชล" ชลบุรี เอฟซี กล่าวหลังตกรอบว่า "นักเตะพลาดง่ายเหมือนตอนเล่นศึกเอเอฟซี คัพ นัดเล่นในบ้านรับ นาซาฟ แต่ภาพรวมอยู่ที่การพัฒนาของนักเตะมากกว่าที่แม้มีผู้เล่นไม่ครบ 11 คน แต่ยังสามารถทำประตูได้มาก ซึ่งเกมนี้แสดงให้เห็นว่าความคิด การอ่านเกมดี แต่พลาดครึ่งแรกง่ายโดยเฉพาะลูกแรกที่ไม่น่าเสีย ทั้งนี้จังหวะใบแดงคือการตัดสินของกรรมการเปอร์เซ็นต์มีพลาดได้เสมอโดยเฉพาะกรรมการไทยพรีเมียร์ลีกคงต้องมีการพัฒนาไปพร้อมกัน ที่สำคัญอยากให้มีสามัญสำนึกมากว่านี้"
สำหรับการตั้งเป้าในถ้วยอื่น "เฮงซัง" เผยว่า "ชลบุรี เอฟซี ตั้งเป้าที่การป้องกันแชมป์เอฟเอคัพอีกสมัยโดยจะพยายามดูแลผู้เล่นที่บาดเจ็บให้ฟื้นตัวในเร็ววัน ส่วนไทยพรีเมียร์ลีกคงต้องหลีกทางให้ บุรีรัมย์ พีอีเอ เป็นแชมป์เพราะแต้มห่างกันมาก แต่จะพยายามทำแต้มให้คงอยู่อันดับที่ 2 ให้ได้"
ด้าน "โค้ชแต๊ก" อรรถพล ปุษปาคม หัวหน้าผู้ฝึกสอน "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ พีอีเอ เผยหลังเข้ารอบชิงชนะเลิศโตโยต้า ลีกคัพ ว่า"เกมวันนี้ถือว่ายังไม่พอใจกับสกอร์ที่เสียประตูไปเยอะ แต่ค่อนข้างโชคดีที่ได้ประตูเร็ว ส่วนครึ่งหลังค่อนข้างจะเปิดโอกาสในแดนหลังมากเกินไป อย่างไรก็ตามแม้แพ้ 2-3 แต่ก็พอใจที่ได้เข้ารอบตามที่ได้ตั้งเป้าไว้"
ส่วนความมั่นใจในนัดชิงชนะเลิศกับ การท่าเรือไทย เอฟซี ซึ่งเป็นการรีแมตซ์ในฤดูกาล 2010 ว่า "ขณะนี้ทีมมีผู้เล่นบาดเจ็บหลายคน แต่เรามีผู้เล่นที่แข็งแกร่งและสามารถทดแทนกันได้ ผลสุดท้ายยังคงมั่นใจที่จะคว้าแชมป์ถ้วยนี้ให้ได้"