ปรีชา ต่อตระกูล อุปนายกสมาคมเทควันโดแห่งประเทศไทย ออกอาการหัวเสียกับการตัดสินของกรรมการในกีฬาเทควันโดของศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 26 ที่ประเทศอินโดนีเซีย หลัง “น้องจูน” วรวงษ์ พงษ์พานิช เตะได้เหนือชั้นกว่าจอมเตะเจ้าถิ่นมากแต่คะแนนกลับไม่ขึ้นจนต้องลุ้นชนะด้วยคะแนนดิบ ชี้หากตัดสินลำเอียงให้กับเจ้าภาพอีกมีแต่จะทำให้ภาพลักษณ์ของกีฬาชนิดนี้มัวหมอง
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ขุนพลจอมเตะไทยกวาดเหรียญทองครบทั้ง 4 คนที่ลงสนาม ประกอบด้วย ธัญนันท์ เปรมแหวว, กองพล คุ้มครอง, ณัฐภัทร ตันตรามาตย์ และ “น้องจูน” วรวงษ์ พงษ์พานิช อย่างไรก็ตาม รายหลังสุดมีปัญหาในการตัดสินของรุ่น 57 กิโลกรัม หญิง ซึ่งเจ้าของเหรียญทองยูธโอลิมปิก 2010 เตะเข้าเป้าทั้งหัวและลำตัวได้เหนือกว่า ลิอา คารินา มานซูร์ จอมเตะสาวอิเหนาอย่างเห็นได้ชัด แต่สุดท้ายเสมอกัน 7-7 เมื่อครบ 3 ยกปกติ จนต้องไปดวลซัดเดนเดธซึ่งก็ยังเสมอกัน 0-0 อีก สุดท้าย “น้องจูน” วัย 17 ปี คว้าเหรียญทองด้วยการชนะคะแนนดิบจากการออกอาวุธได้จะแจ้งกว่า
ด้าน ปรีชา ต่อตระกูล อุปนายกสมาคมเทควันโดแห่งประเทศไทยซึ่งมานั่งชมการแข่งขันที่สนามป๊อปกิ สปอรืตจ ฮอลล์ ชิบูบูร์ ด้วยเปิดเผยกับผู้สื่อข่าว MGR Sport เกี่ยวกับการตัดสินของกรรมการว่า “เรื่องนี้มันดูไม่โปร่งใสตั้งแต่ที่กำหนดให้ใช้เกราะธรรมดาแทนเกราะไฟฟ้าแล้ว ซึ่งถ้าใช้เกราะไฟฟ้าตามที่สหพันธ์เทควันโดโลกกำหนด คะแนนจะขึ้นตามที่นักกีฬาเตะจริงๆ รวมถึงกรรมการที่ตัดสินก็มาจากสหพันธ์เทควันโดอาเซียนซึ่งความแม่นในกฎกติกาจะไม่เท่ากับสหพันธ์โลก”
“ส่วนกรณีของ จูน ถือว่าเป็นเรื่องที่รับไม่ได้อย่างยิ่ง เพราะความจริงเราต้องชนะตั้งแต่ช่วงเวลาปกติ ซึ่งคนทั้งสนามก็เห็นชัดเจนว่า จูน เตะเข้าเป้ามากกว่า แต่กรรมการกลับกดคะแนนซื้อเวลาให้นักกีฬาเจ้าภาพจนโค้ชเช (เช ยอง ซอก) ถึงกับหัวเสียอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ยังดีที่ จูน ยังสู้ต่อไปโดยไม่ย่อท้อจนเอาชนะด้วยคะแนนดิบ ซึ่งหากตัดสินกันแบบนี้จะยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของการแข่งขันเทควันโดย่ำแย่ลงเรื่อยๆ เพราะไม่ว่าเราจะเก่งแค่ไหนก็มีโอกาสแพ้ให้กับใครก็ได้ที่เป็นเจ้าภาพ ผมคิดว่าชาติเจ้าภาพซีเกมส์ควรจัดการให้กีฬาชนิดนี้โปร่งใส สู้กันด้วยสปิริตและความขาวสะอาดมากกว่าที่จะหวังแชมป์ในระดับภูมิภาคแบบจอมปลอม แต่ไปไม่รอดในระดับนานาชาติหรือระดับโอลิมปิก” ปรีชา ร่ายยาว