xs
xsm
sm
md
lg

คนวงในเผย “กัดดาฟี” เตรียมภารกิจฆ่าตัวตายในถิ่นเกิด ไม่ขอยอมแพ้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พันเอก มูอัมมาร์ กัดดาฟี (แฟ้มภาพ)
บีบีซีนิวส์ - สภาพเมืองมิสราตา อีกหนึ่งสมรภูมิสำคัญในสงครามลิเบีย เต็มไปด้วยซากปรักหักพังและความรกร้าง สัญญาณของการมีชีวิตเพียงหนึ่งเดียวในเมืองนี้ คือ พิพิธภัณฑ์แสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งยึดมาจากนักรบของพันเอก มูอัมมาร์ กัดดาฟี ขณะเดียวกัน เมืองสนามรบแห่งนี้เป็นสถานที่คุมขังคนสนิทและคนขับรถที่ถูกจับพร้อมกับกัดดาฟี ทั้งนี้ แคตยา แอดเลอร์ เหยี่ยวข่าวสาวของบีบีซี ได้เข้าสัมภาษณ์นักโทษผู้นี้ถึงความนึกคิดก่อนตายของอดีตผู้นำลิเบีย

มานซูร์ เดา อิบราฮิม เป็นบุคคลที่ทางการลิเบียต้องการตัวมากที่สุด โดยเชื่อกันว่า ชายคนนี้คอยสั่งการสังหาร ข่มขืน และทรมานฝ่ายต่อต้านกัดดาฟี เขายังรู้ที่ตั้งของสุสานหมู่จำนวนมากที่ฝังศพนักรบกบฏ

นอกจากนี้ มานซูร์ เดา ยังเป็นคนสนิทที่กัดดาฟีไว้วางใจ เขาถูกจับพร้อมกับกัดดาฟี และยอมเปิดเผยกับบีบีซีถึงความรู้สึกนึกคิดของกัดดาฟีช่วงวันสุดท้ายของชีวิตที่ไม่เคยมีใครรับรู้ ก่อนถูกจับตัวและสังหาร

“กัดดาฟีกระวนกระวายใจ ท่านไม่สามารถโทรศัพท์หรือติดต่อกับโลกภายนอกได้เลย เรามีอาหารและน้ำเหลืออยู่ไม่มาก เรื่องอนามัยก็ย่ำแย่” มานซูร์ เดา ให้สัมภาษณ์กับแคตยา แอดเลอร์

“ท่านเดินวนไปวนมาอยู่ในห้องเล็กๆ และเขียนบันทึก เรารู้ดีว่าเราแพ้แน่ จนกัดดาฟีพูดออกมาว่า ‘ศาลอาญาระหว่างประเทศต้องการตัวเรา ไม่มีประเทศไหนยอมช่วยเรา เรายินดีตายด้วยมือของคนลิเบีย’”

หลังจากนั้น พันเอกกัดดาฟีตัดสินใจเดินทางไปยังสถานที่เกิดใกล้ๆ กับหุบเขาจาร์รีฟ “นั่นเป็นภารกิจฆ่าตัวตาย” มานซูร์ เดา กล่าว “เรารู้สึกว่าท่านต้องการตายในสถานที่เกิด ท่านไม่ได้พูดออกมาตรงๆ แต่ท่านมีจุดประสงค์ที่จะตายที่นั่น”

อย่างไรก็ตาม แผนเตรียมตัวตายในบ้านเกิดของกัดดาฟีก็ถูกขัดขวาง เมื่อเครื่องบินรบของนาโตถล่มขบวนรถของเขา ก่อนถึงปลายทาง

ขณะที่ขบวนรถถูกถล่ม มูอัมมาร์ กัดดาฟี วิ่งหนีเข้าไปยังท่อระบายน้ำใต้ถนน ซึ่งเป็นจุดที่นักรบฝ่ายรัฐบาลรักษาการลิเบียตามจับตัวเขาได้พร้อมกับฮูนีช นาสร์ คนขับรถประจำตัว

มานซูร์ เดา เล่าต่อว่า “กัดดาฟีออกจากท่อระบายน้ำ ผมยังติดอยู่ข้างใน ออกมาไม่ได้ เพราะมีกลุ่มนักรบอยู่เต็มไปหมด”

“กัดดาฟีไม่มีทางหนี เขายืนอยู่คนเดียวท่ามกลางนักรบจำนวนมากที่ร้องตะโกนว่า ‘กัดดาฟี กัดดาฟี กัดดาฟี’”

พยานปากเอกผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดคนนี้มองไปรอบๆ ห้องขังที่มีผู้คุมยืนอยู่ 2 คน ก่อนพูดว่า นักรบรัฐบาลไม่ได้เป็นคนยิงกัดดาฟี ตอนบุกเข้าไปจับตัวอดีตผู้นำลิเบีย

มานซูร์ เดา อธิบายท่าทีของกัดดาฟีขณะถูกจับตัวว่า กัดดาฟีไม่แปลกใจเลย และดูเหมือนจะยอมรับสภาพ แต่ระบุว่า กัดดาฟีตายไปพร้อมกับความโกรธแค้นและความสิ้นหวัง

“ท่านคิดว่าประชาชนควรจะรักท่าน จนกระทั่งจุดจบ ท่านรู้สึกว่าได้ทำสิ่งดีๆ ให้ประชาชนและลิเบียมากมาย ท่านยังรู้สึกเหมือนถูกหักหลังจากคนที่คิดว่าเป็นเพื่อนอย่าง โทนี แบลร์ (อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ) และซิลวิโอ แบร์ลุสโกนี (นายกรัฐมนตรีอิตาลี)”

เมื่อ แคตยา แอดเลอร์ ถามถึงเรื่องการทรมานและการปรามปราบฝ่ายต่อต้าน ดูเหมือนเขาไม่อยากตอบคำถามเท่าไรนัก หากถูกตัดสินว่าผิดจริง มานซูร์ เดา อาจถูกประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ

อย่างไรก็ตาม เขาปฏิเสธการมีส่วนพัวพันกับพฤติกรรมโหดเหี้ยมของระบอบกัดดาฟี ก่อนเปิดเผยว่า ฝ่ายต่อต้านจะถูกทรมาน กัดดาฟีสนับสนุนการก่อการร้ายระหว่างประเทศอย่างเปิดเผย และเหตุระเบิดล็อกเกอร์บีก็เป็นแผนการของหน่วยความมั่นคงนอกประเทศของกัดดาฟี โดยหนึ่งในพฤติกรรมโหดร้ายที่สุด คือ คำสั่งสังหารหมู่นักโทษการเมือง 1,200 ราย ภายในเรือนจำอาบูซาลิม เมื่อปี 1996

ทั้งนี้ ชะตากรรมของมานซูร์ เดา อิบราฮิม และฮูนีช นาสร์ คนขับของกัดดาฟี ยังไม่ชัดเจน กองกำลังติดอาวุธในเมืองมิสราตายังไม่ให้คำตอบว่า จะส่งตัวทั้งสองคนให้กับรัฐบาลรักษาการลิเบียหรือไม่ และอาวุธจำนวนมากที่ยึดมาจากกัดดาฟีจะจัดการอย่างไรต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น