คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อินเดีย ได้ฉลองการเปิดการแข่งขันรถสูตร 1 เป็นครั้งแรกของประเทศที่ พุทธ อินเทอร์แน้ชเชินน่อล เซอร์คิท ( Buddh International Circuit ) ใน เกร๊ทเท่อร์ โนยดา ( Greater Noida ) อุตตาร ปราเด๊ช ( Uttar Pradesh ) เรียบร้อยแล้ว นี่ถือเป็นการพลิกโฉมหน้าทางการกีฬาครั้งยิ่งใหญ่ของ อินเดีย ซึ่งต่อไปในอนาคต ประเทศนี้แหละครับจะกลายเป็นชาติสำคัญของเอเชียในการเป็นเจ้าภาพกีฬายักษ์ๆของโลก
หลังจากพยายามนำการแข่งขันรถสูตร 1 มาจัดในประเทศ อินเดีย อยู่นาน ทั้งใน คอลคาต้า ( Kolkata ) หรือ คัลคั๊ตต้า ( Calcutta ) รวมทั้ง เชนนาย ( Chennai ) หรือ มาดร๊าส ( Madras ) ฯลฯ ในที่สุด สหพันธ์รถยนต์นานาชาติ ( Federation Internationale de l' Automobile - FIA ) ก็ประกาศบรรจุการแข่งขัน อินเดียน กร็อง ปรี ( Indian Grand Prix ) เข้าในปฏิทินการแข่งขันประจำปี โดยเริ่มการแข่งขันครั้งแรกในวันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งคราวนี้ ทาง อินเดีย ได้เลือกพื้นที่ เกร๊ทเท่อร์ โนยดา ซึ่งห่างจาก ดิลลี่ ( Delhi ) ออกไปประมาณ 40 กิโลเมตร เป็นสถานที่ก่อสร้างสนามแข่งขัน
ในบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ร่วม 10 ตารางกิโลเมตร โดย ชัยพี กรุ๊พ ( Jaypee Group ) เจ้าของโครงการตั้งใจจะทำเป็นศูนย์กีฬานานาชาติใหญ่ยักษ์ ในชื่อ กรีนส์ สปอร์ตส ซิตี้ ( Greens Sports City ) ซึ่งนอกจากจะมีสนามแข่งขันรถสูตร 1 แล้ว ยังมีการวางแผนสร้างสนามคริ๊กเก็ต ขนาดจุผู้ชมได้ 100,000 ที่นั่ง สนามกอล์ฟ 18 หลุม สนามฮ๊อกกี้ ขนาดจุผู้ชม 25,000 ที่นั่ง รวมทั้งศูนย์ฝึกกีฬาอีกด้วย รวมมูลค่าทั้งโครงการ 820 ล้าน ยูเอส ดอลเล่อร์ส หรือประมาณ 25,000 ล้านบาท
ก่อนการแข่งขัน อินเดียน กร็อง ปรี จะเริ่มขึ้น 3 เดือน ผู้จัดก็ต้องเผชิญกับปัญหาปวดสมองอยู่บ้าง เพราะก่อนหน้านั้นทางการได้กว้านซื้อที่ดินจากชาวไร่ชาวนารวมแล้วประมาณ 300 รายเพื่อมาสร้างเป็น กรีนส์ สปอร์ตส ซิตี้ ซึ่งต่อมาพวกเขาแสดงความไม่พอใจต่อโครงการดังกล่าว คิดว่านี่มันเป็นเขตอุตสาหกรรมน่าจะทำให้เกิดการสร้างงานได้มากกว่านี้ ดังนั้นเอาเงินมาซะดีๆ พวกเขาเรียกร้องเงินเพิ่มโดยขู่ว่าถ้าจำเป็นก็จะใช้กำลังเข้ารื้อสนามแข่งซะเลย
แต่เดิมเขาตั้งใจจะใช้ชื่อสนามว่า ชัยพี กรุ๊พ เซอร์คิท ( Jaypee Group Circuit ) หรือไม่งั้นก็เป็น ชัยพี อินเทอร์แน้ชเชินน่อล เซอร์คิท ( Jaypee International Circuit ) ตามชื่อบริษัทเจ้าของสนาม แต่เพราะเห็นว่า สนามตั้งอยู่ใน เขตโคตม พุทธ นคร ( Gautam Budh Nagar district ) ซึ่งก็ตั้งชื่อตาม พระพุทธเจ้า คือ พระโคตมพุทธเจ้า ดังนั้น คงจะเหมาะเหม็งกว่าถ้าจะตั้งชื่อสนามโดยใช้คำว่า พุทธ ซึ่งสื่อถึง สันติ และ ความสงบ ในขณะที่ โลโก้ ของสนามแข่งก็มีตัวอักษร B ซึ่งคล้ายรูปหัวใจอีกด้วย
สถาปนิกผู้ออกแบบสนามแห่งนี้ก็คือ แฮร์มาน ทิลเค่อ ( Herman Tilke ) ช่างเครื่องชาวเจอรมานีที่เป็นอดีตนักแข่งรถสูตร 1 นั่นเอง เขาออกแบบให้มี 16 โค้ง ตลอดระยะทางรวม 5.137 กิโลเมตร มีอัฒจันทร์จุผู้ชมได้ 110,000 ที่นั่ง ซึ่งยังสามารถขยายพื้นที่สำหรับจุผู้ชมได้เป็น 200,000 ที่นั่งในอนาคต โครงการนี้หมดเงินค่าก่อสร้างไป 400 ล้าน ยูเอส ดอลเล่อร์ส หรือประมาณ 12,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะทำรายได้ให้สนามปีละ 170 ล้าน ยูเอส ดอลเล่อร์ส หรือประมาณ 5,100 ล้านบาท และทำให้เกิดการจ้างงานถึง 10,000 คน
สำหรับ อินเดียน กร็อง ปรี ที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2011 นั้น ทำการแข่งขัน 60 รอบสนาม รวมระยะทาง 308.4 กิโลเมตร ซึ่ง เซบาสติอาน เฟ็ทเทิ่ล ( Sebastian Vettel ) นักแข่งชาวเจอรมานีจากทีม เร๊ด บูล เป็นผู้ทำเวลาต่อรอบได้เร็วที่สุดด้วยเวลา 1 นาที 24.178 วินาที และเป็นผู้คว้าแชมป์หนแรกไปด้วยครับ
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อินเดีย ได้ฉลองการเปิดการแข่งขันรถสูตร 1 เป็นครั้งแรกของประเทศที่ พุทธ อินเทอร์แน้ชเชินน่อล เซอร์คิท ( Buddh International Circuit ) ใน เกร๊ทเท่อร์ โนยดา ( Greater Noida ) อุตตาร ปราเด๊ช ( Uttar Pradesh ) เรียบร้อยแล้ว นี่ถือเป็นการพลิกโฉมหน้าทางการกีฬาครั้งยิ่งใหญ่ของ อินเดีย ซึ่งต่อไปในอนาคต ประเทศนี้แหละครับจะกลายเป็นชาติสำคัญของเอเชียในการเป็นเจ้าภาพกีฬายักษ์ๆของโลก
หลังจากพยายามนำการแข่งขันรถสูตร 1 มาจัดในประเทศ อินเดีย อยู่นาน ทั้งใน คอลคาต้า ( Kolkata ) หรือ คัลคั๊ตต้า ( Calcutta ) รวมทั้ง เชนนาย ( Chennai ) หรือ มาดร๊าส ( Madras ) ฯลฯ ในที่สุด สหพันธ์รถยนต์นานาชาติ ( Federation Internationale de l' Automobile - FIA ) ก็ประกาศบรรจุการแข่งขัน อินเดียน กร็อง ปรี ( Indian Grand Prix ) เข้าในปฏิทินการแข่งขันประจำปี โดยเริ่มการแข่งขันครั้งแรกในวันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งคราวนี้ ทาง อินเดีย ได้เลือกพื้นที่ เกร๊ทเท่อร์ โนยดา ซึ่งห่างจาก ดิลลี่ ( Delhi ) ออกไปประมาณ 40 กิโลเมตร เป็นสถานที่ก่อสร้างสนามแข่งขัน
ในบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ร่วม 10 ตารางกิโลเมตร โดย ชัยพี กรุ๊พ ( Jaypee Group ) เจ้าของโครงการตั้งใจจะทำเป็นศูนย์กีฬานานาชาติใหญ่ยักษ์ ในชื่อ กรีนส์ สปอร์ตส ซิตี้ ( Greens Sports City ) ซึ่งนอกจากจะมีสนามแข่งขันรถสูตร 1 แล้ว ยังมีการวางแผนสร้างสนามคริ๊กเก็ต ขนาดจุผู้ชมได้ 100,000 ที่นั่ง สนามกอล์ฟ 18 หลุม สนามฮ๊อกกี้ ขนาดจุผู้ชม 25,000 ที่นั่ง รวมทั้งศูนย์ฝึกกีฬาอีกด้วย รวมมูลค่าทั้งโครงการ 820 ล้าน ยูเอส ดอลเล่อร์ส หรือประมาณ 25,000 ล้านบาท
ก่อนการแข่งขัน อินเดียน กร็อง ปรี จะเริ่มขึ้น 3 เดือน ผู้จัดก็ต้องเผชิญกับปัญหาปวดสมองอยู่บ้าง เพราะก่อนหน้านั้นทางการได้กว้านซื้อที่ดินจากชาวไร่ชาวนารวมแล้วประมาณ 300 รายเพื่อมาสร้างเป็น กรีนส์ สปอร์ตส ซิตี้ ซึ่งต่อมาพวกเขาแสดงความไม่พอใจต่อโครงการดังกล่าว คิดว่านี่มันเป็นเขตอุตสาหกรรมน่าจะทำให้เกิดการสร้างงานได้มากกว่านี้ ดังนั้นเอาเงินมาซะดีๆ พวกเขาเรียกร้องเงินเพิ่มโดยขู่ว่าถ้าจำเป็นก็จะใช้กำลังเข้ารื้อสนามแข่งซะเลย
แต่เดิมเขาตั้งใจจะใช้ชื่อสนามว่า ชัยพี กรุ๊พ เซอร์คิท ( Jaypee Group Circuit ) หรือไม่งั้นก็เป็น ชัยพี อินเทอร์แน้ชเชินน่อล เซอร์คิท ( Jaypee International Circuit ) ตามชื่อบริษัทเจ้าของสนาม แต่เพราะเห็นว่า สนามตั้งอยู่ใน เขตโคตม พุทธ นคร ( Gautam Budh Nagar district ) ซึ่งก็ตั้งชื่อตาม พระพุทธเจ้า คือ พระโคตมพุทธเจ้า ดังนั้น คงจะเหมาะเหม็งกว่าถ้าจะตั้งชื่อสนามโดยใช้คำว่า พุทธ ซึ่งสื่อถึง สันติ และ ความสงบ ในขณะที่ โลโก้ ของสนามแข่งก็มีตัวอักษร B ซึ่งคล้ายรูปหัวใจอีกด้วย
สถาปนิกผู้ออกแบบสนามแห่งนี้ก็คือ แฮร์มาน ทิลเค่อ ( Herman Tilke ) ช่างเครื่องชาวเจอรมานีที่เป็นอดีตนักแข่งรถสูตร 1 นั่นเอง เขาออกแบบให้มี 16 โค้ง ตลอดระยะทางรวม 5.137 กิโลเมตร มีอัฒจันทร์จุผู้ชมได้ 110,000 ที่นั่ง ซึ่งยังสามารถขยายพื้นที่สำหรับจุผู้ชมได้เป็น 200,000 ที่นั่งในอนาคต โครงการนี้หมดเงินค่าก่อสร้างไป 400 ล้าน ยูเอส ดอลเล่อร์ส หรือประมาณ 12,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะทำรายได้ให้สนามปีละ 170 ล้าน ยูเอส ดอลเล่อร์ส หรือประมาณ 5,100 ล้านบาท และทำให้เกิดการจ้างงานถึง 10,000 คน
สำหรับ อินเดียน กร็อง ปรี ที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2011 นั้น ทำการแข่งขัน 60 รอบสนาม รวมระยะทาง 308.4 กิโลเมตร ซึ่ง เซบาสติอาน เฟ็ทเทิ่ล ( Sebastian Vettel ) นักแข่งชาวเจอรมานีจากทีม เร๊ด บูล เป็นผู้ทำเวลาต่อรอบได้เร็วที่สุดด้วยเวลา 1 นาที 24.178 วินาที และเป็นผู้คว้าแชมป์หนแรกไปด้วยครับ
