ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ถือเป็นผลงานอันน่าประทับใจของ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด กับอันดับ 4 บนตาราง พรีเมียร์ชิป หลังผ่านไป 9 นัดแถมเป็น 1 ใน 2 ทีมที่ยังไร้พ่าย ดูแล้ว "เท่อย่าบอกใครจริงๆ" ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีใครเชื่อน้ำยาของกุนซือ อลัน พาร์ดิว กับการพาเหรดโบกมือลาถิ่น เซนต์ เจมส์ ปาร์ค ของบรรดาซูเปอร์สตาร์ รวมถึงต้องพึ่งแข้งโนเนมที่คว้ามาเมื่อช่วงซัมเมอร์
พาร์ดิว เข้ามาคุมทัพเมื่อปลายปี 2010 ต่อจาก คริส ฮิวจ์ตัน ที่ถูกไล่ออกทั้งที่พา นิวคาสเซิล เลื่อนชั้นจาก เดอะแชมเปียนชิป ตอกย้ำความสั่นคลอนของทีมด้วยการขาย แอนดี คาร์โรลล์ กองหน้าทีมชาติอังกฤษให้ ลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัว 35 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,750 ล้านบาท) ก่อนออกตัวฤดูกาลใหม่ 2011-12 ยังเสีย เควิน โนแลน และ โจอี บาร์ตัน เชื่อว่าสาวก "ทูน อาร์มี" หลายคนถึงกับเอามือก่ายหน้าผากสะกดคำว่า "อนาคต" ไม่ออกแน่นอน เพราะทีมภายใต้เจ้าของร่างพลุ้ย ไมค์ แอชลีย์ เน้นผลประกอบการไม่ประเคนเงินให้กุนซือซื้อนักเตะมั่วซั่วอยู่แล้ว
แต่ที่ต้องชม แอชลีย์ ไม่ใช่เรื่องหน้าด้านหน้าทนแฟนบอล นิวคาสเซิล ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ไป แต่คือหัวใจที่รักเกมลูกหนังอย่างแท้จริงเห็นได้ง่ายๆ ก็คือการเข้ามานั่งปะปนกับทุกคนบนอัฒจันทร์และดื่มเบียร์เชียร์เกมอย่างมีอรรถรส แน่นอนสิ่งนี้เมื่อระยะเวลาผ่านไปมันส่งต่อมาถึงกุนซือและนักเตะรวมถึงสาวกทุกคนอย่างไม่รู้ตัว คล้ายกับ โรมัน อบราโมวิช เจ้าของ เชลซี ที่รักฟุตบอลยอมเฉือนเนื้อไปก่อนไม่ว่าจะเป็นซื้อทีมและใช้หนี้ ขาใหญ่ของ "สาลิกาดง" ก็เช่นกันแม้ว่าจะตกชั้นก็ไม่ขายทีมทิ้ง
ซัมเมอร์ที่ผ่านมา พาร์ดิว ไม่ได้ใช้เม็ดเงินที่ได้จากการขาย คาร์โรลล์ แบบลืมหูลืมตา แต่ดึง 3 แข้งฝรั่งเศส โยฮัน กาบาย ซิลแวง มาร์โวกซ์ กาเบรียล โอแบร์กตอง เติมกองกลางบวกกับที่มีอยู่คือ ฮาเต็ม เบน อาร์กฟา กลายเป็นพลัง "ตราไก่ เรโวลูชัน" ที่น่ารักน่าลุ้นไม่น้อย ผสมผสานกับนักเตะที่มีอย่าง เดมบา บา โจนาส กูเตียร์เรซ ชีค ติโอเต โชลา อเมโอบี และ ฟาบริซิโอ โคลอคซินี ทำให้กลมกล่อมอย่างเหลือเชื่อ
การตกชั้นไปเล่นใน เดอะแชมเปียนชิป 1 ฤดูกาลกลายเป็นดีเหมือนถอยหลังก้าวหนึ่งและกลับมาใหม่อย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะเกมรับชุดนี้ของ นิวคาสเซิล ดูดีขึ้นผิดหูผิดตาเสียเพียงแค่ 6 ประตูเท่านั้นน้อยที่สุดในลีก มี โคลอคซินี เป็นแกนหลัก เซนเตอร์ฮาล์ฟคนนี้ปีแรกบนเวที พรีเมียร์ชิป ถูกฉีกเป็นริ้วๆ ไม่สมราคานักเตะนำเข้าจากอาร์เจนตินา แต่เมื่อปรับตัวแม้จะเสียเวลานานสักหน่อยก็กลับมาเป็นคนเดิมเหนียวแน่นเหมือนสมัยอยู่กับ เดปอร์ติโว ลา คอรุนญา
ที่สำคัญนักเตะ นิวคาสเซิล ชุดนี้อายุเฉลี่ยค่อนข้างน้อยทำให้วิ่งกันไม่หยุดตลอด 90 นาทีไม่ว่าจะรุกหรือจะรับจากเกมล่าสุดเดินเครื่องบด วีแกน แอธเลติก ตลอดทั้งเกมจนกระทั่งได้ประตูชัยก่อนหมดเวลาไม่นานเก็บ 3 แต้มในถิ่น เซนต์ เจมส์ ปาร์ค์ มาครองได้สำเร็จ เมื่อกองกลางขยันขึ้นหมดลงหมดแบบนี้ทำให้หลังบ้าน 4 คนทำงานเก็บกวาดกันได้ง่ายขึ้น
หลายคนบอกว่า นิวคาสเซิล ยังไม่เจอกับโปรแกรมหนัก 9 นัดที่ชนะ 5 เสมอ 4 นัดเก็บมา 19 แต้มโกยได้ก็ต้องรีบโกย แต่อย่าลืมว่านัดแรกของฤดูกาลก็ยันเสมอ อาร์เซนอล 0-0 และไล่ตีเสมอทีมอย่าง ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ มาแล้ว 2-2 ซึ่งจากนี้จะต้องไปเยือน สโต๊ก ซิตี ตามด้วยรับมือ เอฟเวอร์ตัน และจะถึงบทพิสูจน์สำคัญกับ 3 เกมสุดหิน แมนเชสเตอร์ ซิตี แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เชลซี เชื่อเหลือเกินว่าน่าจะมีคนแอบเชียร์อยู่ไม่น้อย
แม้ว่า นิวคาสเซิล ชุดนี้จะเทียบไม่ได้กับฤดูกาล 1995-96 ที่เล่นเกมรุกเร้าใจมีลุ้นคว้าแชมป์ พรีเมียร์ชิป ก่อนจะถูก แมนฯยู แซงเข้าป้ายหน้าตาเฉยทั้งที่นำห่างถึง 12 แต้ม แต่ก็น่าจะทำให้สาวก "ทูน อาร์มี" เชียร์บอลได้อย่างมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง
เรื่อง สรเดช เพชรแสงใสกุล