"โค้ชธง" ธงชัย สุขโกกี กุนซือ "สิงห์เจ้าท่า" การท่าเรือไทย เอฟซี ลั่นไม่คิดลาทีมด้วยเหตุผลเรื่องเงินเดือนออกล่าช้า แต่จะออกด้วยผลงานตกต่ำเท่านั้น ขณะที่ บุรีรัมย์ พีอีเอ หวั่นโปรแกรมกระชั้นชิดส่งผลต่อการคว้า 3 แชมป์ พร้อมเร่งเก็บชัยเพื่อจบแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก ส่วน ดร.วิชิต วอนทุกฝ่ายเห็นใจปัญหาน้ำท่วมหากสนามเหย้าใช้การไม่ได้ควรหาสนามเป็นกลาง
เมื่อเวลา 13.00 น. วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม 2554 ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานบริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด เป็นประธานแถลงข่าวความพร้อมก่อนเกมการแข่งขันฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก "มีทเดอะเพรส" ประจำวันที่ 22-23 ตุลาคม 2554 ณ สมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย สนามเทพหัสดิน
โดย ดร.วิชิต ได้กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมที่ส่งผลกระทบต่อการแข่งขันฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีกว่า "สัปดาห์นี้มีการเลื่อนออกไป 4 คู่ คือ โอสถสภา เอ็ม 150 สระบุรี พบ ทีทีเอ็ม พิจิตร ออกไปเป็นวันที่ 12 พฤศจิกายน แทน นอกจากนี้ยังเลื่อนคู่ อินทรีเพื่อนตำรวจ พบ อาร์มี ยูไนเต็ด, เมืองทองฯ ยูไนเต็ด พบ ศรีราชา เอฟซี, ขอนแก่น พบ บีอีซี เทโรศาสน เนื่องจากมีนักเตะเข้าแคมป์เก็บตัวกับทีมชาติชุดซีเกมส์ ทั้งนี้หากน้ำท่วมสูงจำเป็นต้องเลื่อนคู่ ทีโอที เอสซี พบ บุรีรัมย์ พีอีเอ ในวันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม ขณะเดียวกันทางบ.ไทยลีก เล็งเห็นความเดือดร้อนของผู้ประสบภัยน้ำท่วม จึงต้องการช่วยบริจาคเงินอย่างน้อยๆ เป็นเงิน 100,000 บาทอีกด้วย"
นอกจากนี้ ประธานไทยลีก กล่าวแนะนำทีมทีโอที เอสซี หรือทีมที่มีผลกระทบปัญหาน้ำท่วมจนไม่สามารถใช้สนามเหย้าได้ ว่า "หากเป็นไปได้ควรที่จะย้ายไปแข่งขันที่สนามเป็นกลาง โดยทางฝ่ายจัดการแข่งขันจะพิจารณาสนามศุภชลาศัย กับ เทพหัสดิน เพื่อทำการแข่งขันแทน พร้อมฝากให้ทีมเจ้าบ้านต้องยอมเสียสละความได้เปรียบ-เสียเปรียบ หากจำเป็นต้องไปเตะที่สนามกลาง ซึ่งหวังว่าทุกฝ่ายจะเข้าใจ"
"ส่วนความกังวลเรื่องการปิดฤดูกาลยืดเยื้อกว่าวันที่ 7-8 มกราคมปีหน้า อาจจะขอเวลาผ่อนผันการส่งรายชื่อทีมแชมป์ให้ สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) ล่าช้าออกไปไม่เกิน 1-2 อาทิตย์ แต่ยืนยันจะจบภายในเวลาที่กำหนดได้แน่นอน"
"ฮัลโหล"ลุ้นใช้สนามกลาง-บุรีรัมย์ฯ เร่งเก็บชัยเพื่อจบแชมป์
เริ่มกันที่ความพร้อมของทีมทีโอที เอสซี ทีมอันดับ 15 มี 25 คะแนน ได้ส่ง ประจักษ์ เวียงสงค์ ผู้ฝึกสอนของทีมเผยถึงความพร้อมก่อนเกมว่า "ทีมค่อนข้างมีความพร้อมเหมือนตอนที่พ่ายให้กับ สงขลา เอฟซี ในรายการเอฟเอคัพ 1-4 ซึ่งได้เก็บนักเตะสดไว้เจอกับ บุรีรัมย์ พีอีเอ ในไทยพรีเมียร์ลีกโดยการเล่นในบ้านทำให้มีความมั่นใจที่จะมีแต้ม ทั้งนี้จะไม่ประมาทเพราะตามความจริงแล้วเราเป็นรองทีมเยือนทุกด้าน"
"อย่างไรก็ตามหากต้องการอยู่รอดในไทยพรีเมียร์ลีกยังคงต้องการมีถึง 35-38 คะแนน ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้สูงเพราะนัดที่เหลือจะหนักเพียงแมตช์เดียวที่เจอกับ บีอีซี เทโรศาสน ส่วนปัญหาน้ำท่วมสนามหรือไม่คงต้องมีการประเมินสถานการณ์รายวันและหากมาเล่นสนามเป็นกลางคงส่งผลกระทบต่อตารางคะแนนแน่นอน"
ด้าน สุรพงษ์ สวัสดี ที่ปรึกษาฝ่ายเทคนิคสโมสรบุรีรัมย์ พีอีเอ จ่าฝูงไทยพรีเมียร์ลีก มี 56 คะแนน กล่าวถึงความพร้อมว่า "นักเตะมีสภาพสมบูรณ์เต็มที่ เพราะไม่ได้เล่นกันมานานกว่า 2 สัปดาห์เพื่อเก็บตัวเล่นนัดชิงชนะเลิศโตโยต้า ลีกคัพ ซึ่งการบุกไปเยือนทีโอที เอสซี หรือไปเจอทีมใดเราต้องการเก็บชัยชนะทุกแมตช์เพื่อจะได้จบที่แชมป์ไทยพรีเมียร์ลีกให้เร็วที่สุด"
"ส่วนการที่เมืองทองฯ ยูไนเต็ด ตามติดมาจนห่างกัน 6 แต้ม ก็ไม่ถือว่ากดดันเท่าใด ทั้งนี้หากเลื่อนโปรแกรมไปมากกว่านี้เกรงว่าจะไม่ได้แล้วเนื่องจากเดือนพฤศจิกายนก็หลีกทางให้ซีเกมส์และทีมชาติใหญ่ ส่วนเดือนธันวาคมก็มี 6 แมตช์วางไว้เต็มแล้ว ซึ่งอาจส่งผลต่อการคว้า 3 แชมป์แน่นอน ขณะที่ข่าวลือเปลี่ยนจากใช้คำต่อท้ายจาก พีอีเอ เป็น เอฟซี อย่างเดียวนั้นยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนต้องรอให้ทางผู้ใหญ่เป็นผู้แถลงข่าว"
"โลมา"หวังยึดอันดับ 6 - "กูปรี"ลั่นเก็บแต้มให้มากที่สุด
ขณะเดียวกัน วิวัฒน์ เอี่ยมแล้ ประธานฝ่ายจัดการแข่งขันสโมสรพัทยา ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 9 มี 35 คะแนน เผยถึงความพร้อมก่อนเกมว่า "แม้ว่าเลกแรกเราจะบุกไปแพ้ 1-3 แต่ปัจจุบันทีมมีความพร้อมมาก มีเพียง อิทธิพล พูลทรัพย์ กองกลางที่ได้รับบาดเจ็บ และมี ซีเกต หมาดปูเต๊ะ ที่โดนแบน ซึ่งจาก 4 นัดที่ผ่านมาเราสามารถเก็บได้ 10 แต้ม ทำให้ตอนนี้มีความมั่นใจมากขึ้น"
"โดยในปีนี้ทีมยังหวังจะยึดอันดับไม่ต่ำกว่าปีที่แล้วคือ อันดับ 6 ส่วนความคืบหน้าเรื่องสนามเหย้าที่หนองปรือ มีการเพิ่มเติมที่นั่งจุได้ 4-5 พันที่ ซึ่งในวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้ทาง บ.ไทยพรีเมียร์ลีกจะเดินทางไปตรวจสนาม คาดว่าจะได้เปิดสนามในไทยพรีเมียร์ลีกนัดเจอ ขอนแก่น เอฟซี วันที่ 4 ธันวาคม หรือ เจอทีมชนะระหว่าง บางกอกกล๊าส เอฟซี / เมืองทองฯ ยูไนเต็ด ในศึกเอฟเอคัพ วันที่ 30 พฤศจิกายนนี้"
ส่วนความพร้อมของสโมสรศรีสะเกษ เมืองไทย เอฟซี ทีมอันดับ 8 มี 37 คะแนน สัญชัย อดุลสุทธิกุล ที่ปรึกษาของทีม ได้กล่าวความพร้อมของทีมว่า "มีผู้เล่นบาดเจ็บเพียงรายเดียวคือ เอกพันธ์ จันดากรณ์ นอกนั้นมีความสมบูรณ์ ซึ่ง รอยเตอร์ กุนซือใหญ่ของทีมได้ทำงานอย่างหนักเพื่อเก็บแต้มให้มากที่สุด นอกจากนี้ความคืบหน้าเรื่องสนามเหย้าอาจจะได้ใช้สนามกีฬาจังหวัดแห่งใหม่ตามที่ได้รับงบประมาณจากคณะรัฐมนตรี ขณะเดียวกันก็ได้มีการวางแผนตกแต่งสนามศรีนครลำดวนหลังจบฤดูกาลนี้"
"สิงห์เจ้าท่า" มั่นใจเก็บ 3 แต้มจาก "ตะหานน้ำ"
ปิดท้ายที่ โค้ชธงชัย สุขโกกี กุนซือการท่าเรือไทย เอฟซี ทีมอันดับ 11 มี 30 คะแนน เผยถึงความพร้อมว่า "ทุกอย่างได้เตรียมพร้อมอย่างเต็มที่เนื่องจากนักเตะได้เก็บตัว 2 สัปดาห์เพื่อเล่นนัดชิงชนะเลิศโตโยต้า ลีกคัพ ซึ่งเป็นผลดีในการเรียกความฟิต แม้จะพ่ายให้ บางกอกกล๊าส เอฟซี ในนัดเอฟเอคัพ ทว่ารูปแบบการเล่นเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นเสียอย่างเดียวคือการเข้าทำประตู โดยการเปิดบ้านเจอราชนาวีมั่นใจเก็บ 3 แต้มได้อย่างแน่นอน ทั้งนี้ทีมต้องการอีก 6 แต้ม เพื่อการอยู่รอดไทยพรีเมียร์ลีก"
ทั้งนี้ "โค้ชธง" เปิดใจยอมรับเรื่องนักเตะและทีมงานสตาฟฟ์โค้ชได้รับเงินเดือนล่าช้าว่า "ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริงเนื่องจาก การท่าเรือแห่งประเทศไทย เป็นหน่วยงานของรัฐบาลดังนั้นทำให้ล่าช้าเรื่องการเบิกจ่ายเงินเดือน แต่ขณะนี้ฝ่ายบริหารได้มีการเจรจากันในเบื้องต้นผลสรุปออกมาเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น เชื่อว่าอีกไม่นานเงินเดือนจะออกเป็นปกติเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจแก่นักเตะก่อนแข่งนัดชิงชนะเลิศโตโยต้า ลีกคัพ ที่สำคัญตนจะไม่ขอลาออกในปัญหาเรื่องเงินเดือนออกช้าแน่นอน แต่จะขอลาออกในกรณีที่ทำผลงานตกต่ำเท่านั้น"
โปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก
วันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม 2554
เวลา 18.00 น. พัทยา ยูไนเต็ด - ศรีสะเกษ เมืองไทย เอฟซี ณ สพล.ชลบุรี ถ่ายทอดสดทาง SKTV
เวลา 18.00 น. บางกอกกล๊าส เอฟซี - เอสซีจี สมุทรสงคราม ณ สนามเทพหัสดิน ถ่ายทอดสดทาง True sport 2(2)
วันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม 2554
เวลา 16.00 น. การท่าเรือไทย เอฟซี - ราชนาวี สโมสร ณ แพท สเตเดี้ยม ถ่ายทอดสดทาง True sport 2(2)
เวลา 16.00 น. ทีโอที เอสซี - บุรีรัมย์ พีอีเอ ณ ทีโอที สเตเดี้ยม ถ่ายทอดสดทาง SKTV
เวลา 18.00 น. เชียงราย ยูไนเต็ด - ชลบุรี เอฟซี ณ ม.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ถ่ายทอดสดทาง T-Sport