ราฟาเอล นาดาล นักเทนนิสมือ 2 ของโลก ชาวสเปน ออกมาเปิดเผยว่า กรุงลอนดอนอาจอยู่ในสภาวะเสี่้ยงที่จะไม่ได้จัดการแข่งขันศึกเทนนิสส่งท้ายปีอย่าง เอทีพี เวิลด์ทัวร์ ไฟนอลส์ อีกต่อไป หลังบรรดานักหวดชื่อดังรายอื่นๆ ต่างไม่พอใจที่ต้องเสียภาษีผู้เล่นสูงถึง 50 เปอร์เซ็นต์ เมื่อต้องเดินทางไปหวดที่เมืองผู้ดี
กรุงลอนดอนยังเหลือสัญญาอีก 2 ปี สำหรับการจัดแข่งขันเทนนิสเวิลด์ทัวร์ ไฟนอล และเตรียมต่อสัญญาฉบับใหม่อีกครั้งในปี 2013 อย่างไรก็ตาม "เอล มาทาดอร์" เผยว่าตนรวมถึงนักหวดรายอื่นๆ อาจรวมหัวกันต่อต้านการต่อสัญญาครั้งนี้ เพราะยอมไม่ได้ที่จะต้องเสียภาษีก้อนโตถึง 50 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเดินทางมาแข่งขันที่ประเทศอังกฤษ
โดยนาดาล เปิดเผยถึงประเด็นการต่อต้านครั้งนี้ว่า "ผมเชื่ออย่างสุดหัวใจเลยว่านี่คือการแข่งขันที่วิเศษมาก แฟนๆให้ความสนใจเข้ามาชมเกมเต็มสนามทุกแมทซ์ อีกทั้งสนามที่ใช้แข่งก็วิเศษมาก แต่ลอนดอนไม่ใช่สถานที่เพียงแห่งเดียวในโลกที่สามารถจัดงานเช่นนี้ได้"
หวดวัย 25 ปี กล่าวต่อว่า "ถือเป็นความจริงที่ยากลำบากมากสำหรับอะไรที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับภาษีในอังกฤษ มีหลายสิ่งที่เป็นเรื่องดีแต่สิ่งนี้เป็นเรื่องปฏิเสธได้ยากจริงๆ ดังนั้น โอกาสที่ลอนดอนจะไม่ได้จัดการแข่งขันเวิลด์ทัวร์ ไฟนอลส์ นั้นมีความเป็นไปได้สูงมากทีเดียว"
ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า แชมป์แกรนด์สแลม 10 สมัย ปฏิเสธที่จะลงเล่นรายการที่ควีนส์ คลับ อันเป็นแมทซ์อุ่นเครื่องก่อนศึกวิมเบิลดันจะเริ่มในปีหน้า โดยหนีไปลงหวดที่เมืองฮัลเล ประเทศเยอรมนีแทน เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีมหาโหดที่เมืองผู้ดี ซึ่งนาดาล เปิดเผยถึงเรื่องดังกล่าวว่าเป็นความจริง และจะไม่เปลี่ยนใจแน่นอน
"ผมไม่เปลี่ยนใจแน่นอน เพราะว่าที่ฮัลเลนั้นจ่ายเงินให้ผมมากกว่าที่ควีนส์ แต่ว่าไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริงหรอก เพราะความจริงเป็นเรื่องของการเสียภาษีที่อังกฤษต่างหาก พวกเขาได้เงินจากสปอนเซอร์ของผมมากเกินกว่าที่จะรับได้ ทั้งที่ลงเล่นแค่สัปดาห์เดียว อย่างไรก็ตามผมก็ยืนยันว่าจะลงแข่งวิมเบิลดัน หรือ เวิลด์ทัวร์ ไฟนอลส์ อย่างแน่นอน เพียงแต่เรื่องของภาษีเท่านั้นที่ผมรู้สึกไม่พอใจ" นาดาล ร่ายยาว