คอลัมน์ "The Golf Touch" โดย "วันปีย์ สัจจมาร์ค"
Fade กับ Draw เป็นช็อตที่อยู่คู่กับวงการกอล์ฟมาโดยตลอด และก็ไม่มีวันที่จะหายจากไป เป็นไปไม่ได้ที่นักกอล์ฟจะตีได้ตรงตลอดเวลา เพราะถ้าเชื่อตามที่สุดยอดฝีมืออย่าง เบ็น โฮแกน เคยพูดไว้ว่า “ช็อตที่เจตนาตีให้ตรง เป็นช็อตที่ยากที่สุดของวงการกอล์ฟ และเป็นช็อตที่เกิดขึ้นได้โดยบังเอิญเท่านั้น”
ดังนั้นนักกอล์ฟอาชีพส่วนมากนิยมมักจะมีช็อตธรรมชาติที่ติด Fade หรือติด Draw อย่างใดอย่างหนึ่ง ข้อดีของ Fade ง่ายๆเลยก็คือ ตกแล้วหยุด ส่วนข้อดีของ Draw ก็คือได้ระยะ แน่นอนมีคนประสบความสำเร็จทั้งการใช้วง Fade และวง Draw แต่ถ้าดูย้อนกลับไปตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จะมีคนเลือกที่จะติด Fade มากกว่าคนเลือกที่จะติด Draw
ถ้าจะพูดว่าอาการตี Fade เป็นอาการที่ธรรมชาติกว่าการตี Draw ของร่างกายเรา ก็คงไม่ผิด เพราะการหมุนออกมาข้างนอก การใช้ร่างกายช่วงบน การจับแน่น อาการทุบ สับ ลงมาที่ลูกกอล์ฟ ล้วนเป็นอาการที่ส่งเสริมเปอร์เซนต์ Fade ทั้งสิ้น! มีกี่คนที่ท่านรู้จักที่ล้วงมาจากข้างในมากเกินไป? และถ้าไม่ได้มาจากการฝึกปรือแล้ว จะมีสักกี่คนที่ถนัดใช้ช่วงล่างในการเร่ง มากกว่าที่จะเร่งมาจากช่วงบน
ปัญหาอันดับหนึ่งของนักกอล์ฟทั่วโลก ก็คือการแก้สไลซ์ ซึ่งถ้าว่าไปแล้วอาการสไลซ์ ก็คือญาติผู้พี่ของน้อง Fade นั่นเอง! โดยทั่วไปแล้วที่มาของการอยากตี Draw หรือตีจากข้างในให้มากขึ้น มักจะมาจากความต้องการในการเพิ่มระยะ หรือวิธีปฏิบัติเพื่อจะลดอาการ Fade นักกอล์ฟที่ตี Draw ได้ด้วยความเป็นธรรมชาติของตัวเขาเอง มักจะมาจากการตั้งใจฝึกวงนี้มาตั้งแต่เริ่มเล่นกอล์ฟ จนเกิดความเคยชิน จากความเคยชินผนวกกับความมุมานะฝึกฝน ก็สามารถทำให้คนเราฝืนธรรมชาติได้สำเร็จเหมือนกัน
ผมมั่นใจว่าจะต้องมีคนไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ผมเขียนพอสมควร แต่คุณลองดูหลักฐานประกอบนะครับ ไปนั่งดูที่สนามไดร์ฟได้เลย ไม่ว่าคุณจะไปวันไหน เวลาไหนก็ตาม ถ้าคุณเดินดูให้ทั่วสนาม คุณจะพบว่า จำนวณนักกอล์ฟที่ตีติด Fade มากกว่าจำนวณนักกอล์ฟที่ตีติด Draw
นักกอล์ฟทั่วๆไปไม่ได้มีความมุ่งมั่นมากพอที่จะตีวงตามตำราหรอกครับ คนส่วนมากจะตีตามที่ตัวเองถนัด และตีตามความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติมากที่สุดของตัวเขา นอกเหนือจากนี้ในบรรดานักกอล์ฟอาชีพที่มีความสามารถสูงพอ ที่จะสวิงวิธีไหนก็ได้ เราก็จะพบเช่นกันว่า นักกอล์ฟอาชีพส่วนมาเลือกลูก Fade! และจะบังคับ Draw ก็ต่อเมื่อจำเป็น
มีคำพูดติดตลกของ ลี เทรวิโน่ ที่เคยกล่าวไว้ว่า “ลูก Fade ยังพอคุยกันรู้เรื่อง แต่ลูก Draw นั้นจะไม่ฟังเราเลย”
Fade กับ Draw เป็นช็อตที่อยู่คู่กับวงการกอล์ฟมาโดยตลอด และก็ไม่มีวันที่จะหายจากไป เป็นไปไม่ได้ที่นักกอล์ฟจะตีได้ตรงตลอดเวลา เพราะถ้าเชื่อตามที่สุดยอดฝีมืออย่าง เบ็น โฮแกน เคยพูดไว้ว่า “ช็อตที่เจตนาตีให้ตรง เป็นช็อตที่ยากที่สุดของวงการกอล์ฟ และเป็นช็อตที่เกิดขึ้นได้โดยบังเอิญเท่านั้น”
ดังนั้นนักกอล์ฟอาชีพส่วนมากนิยมมักจะมีช็อตธรรมชาติที่ติด Fade หรือติด Draw อย่างใดอย่างหนึ่ง ข้อดีของ Fade ง่ายๆเลยก็คือ ตกแล้วหยุด ส่วนข้อดีของ Draw ก็คือได้ระยะ แน่นอนมีคนประสบความสำเร็จทั้งการใช้วง Fade และวง Draw แต่ถ้าดูย้อนกลับไปตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จะมีคนเลือกที่จะติด Fade มากกว่าคนเลือกที่จะติด Draw
ถ้าจะพูดว่าอาการตี Fade เป็นอาการที่ธรรมชาติกว่าการตี Draw ของร่างกายเรา ก็คงไม่ผิด เพราะการหมุนออกมาข้างนอก การใช้ร่างกายช่วงบน การจับแน่น อาการทุบ สับ ลงมาที่ลูกกอล์ฟ ล้วนเป็นอาการที่ส่งเสริมเปอร์เซนต์ Fade ทั้งสิ้น! มีกี่คนที่ท่านรู้จักที่ล้วงมาจากข้างในมากเกินไป? และถ้าไม่ได้มาจากการฝึกปรือแล้ว จะมีสักกี่คนที่ถนัดใช้ช่วงล่างในการเร่ง มากกว่าที่จะเร่งมาจากช่วงบน
ปัญหาอันดับหนึ่งของนักกอล์ฟทั่วโลก ก็คือการแก้สไลซ์ ซึ่งถ้าว่าไปแล้วอาการสไลซ์ ก็คือญาติผู้พี่ของน้อง Fade นั่นเอง! โดยทั่วไปแล้วที่มาของการอยากตี Draw หรือตีจากข้างในให้มากขึ้น มักจะมาจากความต้องการในการเพิ่มระยะ หรือวิธีปฏิบัติเพื่อจะลดอาการ Fade นักกอล์ฟที่ตี Draw ได้ด้วยความเป็นธรรมชาติของตัวเขาเอง มักจะมาจากการตั้งใจฝึกวงนี้มาตั้งแต่เริ่มเล่นกอล์ฟ จนเกิดความเคยชิน จากความเคยชินผนวกกับความมุมานะฝึกฝน ก็สามารถทำให้คนเราฝืนธรรมชาติได้สำเร็จเหมือนกัน
ผมมั่นใจว่าจะต้องมีคนไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ผมเขียนพอสมควร แต่คุณลองดูหลักฐานประกอบนะครับ ไปนั่งดูที่สนามไดร์ฟได้เลย ไม่ว่าคุณจะไปวันไหน เวลาไหนก็ตาม ถ้าคุณเดินดูให้ทั่วสนาม คุณจะพบว่า จำนวณนักกอล์ฟที่ตีติด Fade มากกว่าจำนวณนักกอล์ฟที่ตีติด Draw
นักกอล์ฟทั่วๆไปไม่ได้มีความมุ่งมั่นมากพอที่จะตีวงตามตำราหรอกครับ คนส่วนมากจะตีตามที่ตัวเองถนัด และตีตามความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติมากที่สุดของตัวเขา นอกเหนือจากนี้ในบรรดานักกอล์ฟอาชีพที่มีความสามารถสูงพอ ที่จะสวิงวิธีไหนก็ได้ เราก็จะพบเช่นกันว่า นักกอล์ฟอาชีพส่วนมาเลือกลูก Fade! และจะบังคับ Draw ก็ต่อเมื่อจำเป็น
มีคำพูดติดตลกของ ลี เทรวิโน่ ที่เคยกล่าวไว้ว่า “ลูก Fade ยังพอคุยกันรู้เรื่อง แต่ลูก Draw นั้นจะไม่ฟังเราเลย”
