เอ็นริเก คาลิสโต กุนซือเมืองทอง หนองจอก ยูไนเต็ด ยอมรับสภาพหลังลูกทีมมีโอกาสมากมายแต่เจาะตาข่าย คูเวต เอสซี ไม่ได้ ทำให้จบเส้นทางในศึกเอเอฟซี คัพ 2011 ไว้ที่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ขณะที่ รณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผู้จัดการทั่วไปยืนยันว่าสโมสรยังคงให้การหนุนหลังโค้ชชาวโปรตุเกสต่อไป
ฟุตบอลถ้วยชิงแชมป์สโมสรเอเชียใบรอง เมื่อช่วงหัวค่ำวันอังคารที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา “กิเลนผยอง” เปิดสนามยามาฮ่า สเตเดียม ครองเกมรุกได้เหนือกว่า คูเวต เอสซี ที่เน้นการสวนกลับเกือบทั้งเกม แต่ไม่สามารถส่งบอลผ่านมือนายทวาร คาลิด อัลฟาดห์ลี เข้าสู่ก้นตาข่ายได้ก่อนลงเอยที่ 0-0 รวม 2 นัด คูเวต จึงเข้ารอบรองชนะเลิศด้วยสกอร์ 1-0
ด้าน เอ็นริเก คาลิสโต เฮดโค้ชเมืองทองฯ ให้สัมภาษณ์หลังจบแมตช์ว่า “ครึ่งแรกเราเล่นได้ดีมาก ครองเกมบุกได้ตลอดและน่าทำประตูได้หลายครั้ง แต่ครึ่งหลังเรากลับเล่นไม่ได้ตามจังหวะที่ควรจะเป็น ซึ่งสุดท้ายผมก็ยอมรับผลการแข่งขัน”
ขณะที่ “เสี่ยเป้” รณฤทธิ์ ซื่อวาจา กล่าวเสริมว่า “เราเล่นได้ดีแล้ว แต่อาจจะมีปัญหาตรงที่ผู้เล่นบางคน เช่น ธีรศิลป์ แดงดา เพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บ ทำให้ไม่สามารถแสดงศักยภาพออกมาได้ 100 เปอร์เซ็นต์ จากนี้เราจะหันไปเน้นการลุ้นแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก และ ไทยคม เอฟเอ คัพ ให้ดีที่สุด ขณะที่ผู้บริหารค่อนข้างพอใจผลงานโดยรวมที่มีการพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งเรายังคงเชื่อมั่นในตัวของ เอ็นริเก คาลิสโต อยู่ เพียงแต่วันนี้เราขาดโชคเท่านั้น”
ส่วน ดราแกน ทาลายิช กุนซือชาวโครเอเชียของ คูเวต เอสซี กล่าวถึงชัยชนะว่า “ขอบคุณผู้เล่นทุกคนที่ทำให้ คูเวต เอสซี ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้สำเร็จตามที่ผมประกาศไว้ในการแถลงข่าวเมื่อวานนี้ ส่วนเหตุการณ์วุ่นวายภายในเกม (นาทีที่ 61 ดัสกร ทองเหลา เข้าปะทะหนักใส่ โรเจริโอ คูตินโญ ก่อนที่ ทาลายิช จะลงไปประท้วงในสนามจนเกือบทำให้ผู้เล่นทั้งสองทีมวางมวย สุดท้าย ทาลายิช ถูกเชิญขึ้นไปบนอัฒจันทร์) ผมต้องขอโทษด้วย แต่สำหรับผมแล้วหากอยากให้ลูกทีมเป็นสิงโต ผมในฐานะจ่าฝูงก็ต้องปกป้องพวกเขาจนถึงที่สุด ขณะที่ เมืองทองฯ แม้จะไม่ได้ไปต่อ แต่พวกเขาก็ยังเป็นทีมที่แข็งแกร่งเหมือนเดิม”