xs
xsm
sm
md
lg

สวิงซีไอเอ็มบีฯ ทัวร์อันดับ 1 ของเอเชีย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“เอฟเฟนดี ชาฮุล ฮามิด” ผู้บริหารระดับสูงของ “ซีไอเอ็มบี”
ASTVผู้จัดการรายวัน - ในปี 2010 การแข่งขันกอล์ฟ “ซีไอเอ็มบี เอเชีย แปซิฟิก คลาสสิก” ซึ่งมีขึ้นที่ สนาม เดอะ ไมน์ส รีสอร์ท กอล์ฟ คลับ ถูกจัดให้เป็นการแข่งขันกอล์ฟรายการใหญ่ที่สุดของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยเงินรางวัลรวมที่สูงถึง 6ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อการแข่งขันเดินทางเข้าสู่ปีที่สองซึ่งจะมีขึ้นในเดือนตุลาคมนี้ “ซีไอเอ็มบี” ไม่เพียงแต่จะเพิ่มเงินรางวัลให้สูงขึ้นถึง 6.1 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 184 ล้านบาท) หากรายการที่ร่วมจัดระหว่าง “เอเชียน ทัวร์” และ “ยูเอส พีจีเอทัวร์” กำลังจะถูกพัฒนาให้กลายเป็นรายการในระดับนานาชาติมากยิ่งขึ้น และก่อนที่การแข่งขันในปีที่สองระหว่างวันที่ 27-30 ตุลาคม จะเริ่มต้น นาย เอฟเฟนดี ชาฮุล ฮามิด ผู้บริหารระดับสูงด้านการตลาด และสื่อสารองค์กรของกลุ่ม "ซีไอเอ็มบี"ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับผู้สื่อข่าว MGR Sport ถึงก้าวย่างในอนาคตของทัวร์นาเมนท์ “ซีไอเอ็มบี เอเชีย แปซิฟิก คลาสสิก” ที่ต่อจากนี้ไปอีก 7 ปีจะกลายเป็นรายการที่รวมเอาโปรชื่อดังในทั่วทุกภูมิภาคมารวมกัน

MGR SPORT : หลังจากความสำเร็จในปีแรก การแข่งขันในปีที่สองทางซีไอเอ็มบีวางเป้าหมายไว้อย่างไร
มิสเตอร์เอฟเฟนดี : อย่างแรกเราต้องการต่อยอดความสำเร็จให้สมบูรณ์ครบถ้วนยิ่งขึ้น ทั้งเรื่องของตัวผู้เล่นที่เวลานี้เราได้เพิ่มโควตาจาก 40 คน เป็น 48 คน เพื่อสร้างความตื่นเต้นเร้าใจ โดยประกอบไปด้วยผู้เล่นท้อป 30 จากตาราง "เฟดเอ็กซ์ คัพ" บวกกับอีก 10 คนจากอันดับแรกในตารางออร์เดอร์ ออฟ เมอร์ริต ของ "เอเชียน ทัวร์" และผู้เล่นที่ได้รับเชิญจากสปอนเซอร์อีก 8 ราย นอกเหนือจากนั้นตัวเลขเงินรางวัลรวมเราได้เพิ่มจาก 6 ล้านเหรียญสหรัฐเป็น 6.1 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 183 ล้านบาท) โดยเจ้าของแชมป์จะได้รับเงินรางวัลเพิ่มเป็น 1.3 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 40 ล้านบาท) ซึ่งถือจำนวนเงินรางวัลสูงสุดของการแข่งขันในภูมิภาคนี้

MGR SPORT : มีนักกอล์ฟรายใดที่ทาง “ซีไอเอ็มบี” เชิญให้เข้าร่วมการแข่งขันเป็นพิเศษ
มิสเตอร์เอฟเฟนดี : อันที่จริงแล้วเราต้องการหาผู้เล่นหน้าใหม่ที่ดีที่สุดเข้าร่วมการแข่งขัน สำหรับโปรจากสหรัฐฯ นั้นส่วนหนึ่งไม่ค่อยนิยมเดินทางมาแข่งในทวีปเอเชีย หากแต่นักกอล์ฟรุ่นใหม่รวมไปถึงจากยุโรป ที่ชื่นชอบความท้าทายมักจะไม่ปฏิเสธหากได้สิทธิเข้าร่วมการแข่งขัน ซึ่งตรงนี้เรามองว่าเป็นจุดแข็งของทัวร์ฯ และในปีนี้เรายังได้ คีแกน แบรดลีย์ เจ้าของแชมป์ "พีจีเอ แชมเปียนชิป 2011" เข้าร่วมดวลวงสวิงด้วย

MGR SPORT : ตัวเลขมูลค่าการลงทุนสำหรับการแข่งขันในฤดูกาลนี้
มิสเตอร์เอฟเฟนดี : ปีนี้ทางซีไอเอ็มบี ใช้เงินลงทุนไป 8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 240 ล้านบาท) คือ มูลค่าตัวเลขการลงทุนทั้งหมด ซึ่งแบ่งออกเป็นเงินรางวัลสำหรับผู้เข้าแข่งขัน 6.1 ล้านเหรียญ (ประมาณ 184 ล้านบาท) ซึ่งแชมป์จะได้รับเงินรางวัล 1.3 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 39 ล้านบาท) ส่วนที่เหลือจะเป็นค่าดำเนินงานต่างๆ ทั้ง การโปรโมตทัวร์นาเมนต์, การติดต่อประสานงาน รวมถึงค่าใช้จ่ายปลีกย่อยต่างๆ

MGR SPORT : วางสถานภาพของ "ซีไอเอ็มบี เอเชีย แปซิฟิค คลาสสิก มาเลเซีย"ต่อจากนี้ไปในอีก 7 ปีข้างหน้าไว้อย่างไร
มิสเตอร์เอฟเฟนดี : สิ่งที่เราต้องการที่สุด คือ การพัฒนาทัวร์นาเมนต์นี้ให้สมบูรณ์แบบ และยกระดับวงการกอล์ฟเอเชียให้ก้าวไปอยู่แนวหน้าของโลกในนามทัวร์นาเมนต์ “ซีไอเอ็มบี คลาสสิก” ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า การแข่งขันครั้งแรกเรายังขาดประสบการณ์ในหลายๆจุด โดยในระยะเวลา 7 ปีที่เราได้เซ็นสัญญากับทาง “พีจีเอ ทัวร์” เราได้วางเป้าหมายไว้แล้วว่า ทัวร์นาเมนต์นี้จะเป็นการแข่งขันกอล์ฟที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทวีป ดังนั้นความคาดหวังในอนาคตของเราจะเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจากเป็นทัวร์นาเมนต์อันดับ 1 เท่านั้น
ก้าวต่อไป  “ทัวร์นาเมนต์อันดับ 1 เอเชีย”
“เบน เครน” ยืนยันมาป้องกันแชมป์ในปีนี้
“คีแกน แบรดลีย์” มีโอกาสสูงที่จะลงสนามเดอะไมน์สฯ
กำลังโหลดความคิดเห็น