กฏเหล็กฉบับอิเหนา ทัพไทยลุย "ซีเกมส์"

ASTV ผู้จัดการรายวัน - นับจากนี้เหลือเพียงแค่ 59 วัน มหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 26ที่กรุงจาการ์ตา และ ปาเลมบัง ประเทศอินโดนีเซีย จะได้ฤกษ์เปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ “บิ๊กต้อม” ธนา ไชยประสิทธิ์ หัวหน้านักกีฬาของไทย ก็ได้ฝากเตือนไปยังขุนพลนักกีฬา สื่อมวลชน รวมถึงกองเชียร์ที่จะเดินทางไปยังแดนอิเหนา ให้คำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเองและทรัพย์สินเป็นหลัก แม้ประเทศเจ้าภาพจะให้การยืนยันในเรื่องของระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับผู้มาเยือนแล้วก็ตาม

เมื่อวันอังคารที่ 13 กันยายน 2554 มีการประชุมคณะกรรมการโอลิมปิก ถึงการเตรียมทีมเข้าร่วมมหกรรมกีฬาเพื่อชิงความเป็นหนึ่งของกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีกำหนดทำการแข่งขันขึ้นในระหว่างวันที่ 11-22 พฤศจิกายนนี้ โดยครั้งนี้ทางเจ้าภาพได้แบ่งการแข่งขันออกเป็นสองเมืองใหญ่อย่าง จาการ์ตา และ ปาเลมบัง แม้อิเหนาจะให้ความเชื่อมั่นกับบรรดาประเทศต่างๆ ถึงระบบรักษาความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ และเพียงพอต่อการจัดงานใหญ่เช่นนี้ นายธนา ไชยประสิทธิ์ ผู้รับหน้าที่ดูแลคณะนักกีฬาของไทยและทีมงาน เดินทางไปที่อินโดนีเซีย ฝากเตือนไปถึงนักกีฬา,สื่อมวลชน รวมถึงกลุ่มกองเชียร์ที่มีแผนเดินทางไปให้กำลังใจถึงขอบสนาม ให้ดูแลความปลอดภัยของตัวเองเป็นสำคัญ

โดย “บิ๊กต้อม” เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว MGR Sport ถึงเรื่องดังกล่าว พร้อมชี้แจงถึงรายละเอียดข้อห้ามต่างๆ ว่า “ความจริงคือทางเจ้าภาพก็ไม่ได้ระบุกฏระเบียบ หรือข้อห้ามใดๆ เป็นพิเศษ เพียงแต่เราอยากฝากไปยังผู้ที่จะเดินทางไปที่อินโดนีเซีย ไม่ว่าจะเป็นที่จาการ์ตา หรือ ปาเลมบัง ให้ดูแลเรื่องความปลอดภัยของตัวเองเป็นสำคัญ เพราะด้วยจำนวนทีมงานที่เดินทางไปในครั้งนี้อาจดูแลทุกคนได้ไม่ทั่วถึง ดังนั้นขอให้ทุกฝ่ายระมัดระวังในเรื่องต่างๆ ด้วย ยามที่ไปเยือนในถิ่นของเขา ซึ่งมีดังต่อไปนี้”

1. ปฏิบัติตามกฏระเบียบของศาสนาอิสลาม
“เราทุกคนทราบดีว่าประเทศอินโดนีเซีย เป็นประเทศที่นับถือศาสนาอิสลาม ดังนั้น เขาจะมีกฏระเบียบอย่างชัดเจนว่าไม่ควรทำอะไรบ้าง เช่น ไม่รับประทานเนื้อหมู, ห้ามเล่นการพนัน หรือ ห้ามดื่มแอลก์ฮอลล์ จึงควรมีการศึกษาวัฒนธรรมท้องถิ่นไปเป็นอย่างดี เพราะแต่ละประเทศต่างก็มีประเพณีและวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง”

2. การเดินทางไปยังสนาม และการกลับที่พัก
“ทางเจ้าภาพไม่ได้ออกกฏระเบียบกำหนดเวลาให้ทางคณะผู้เข้าแข่งขันควรเดินทางกลับเข้าที่พัก แต่สำหรับเราก็ขอให้นักกีฬา รวมถึงสื่อมวลชนที่เดินทางไปทำข่าว เมื่อสร็จสิ้นภารกิจแล้วก็ขอให้เดินทางกลับเข้าโรงแรมที่พักทันที อย่าออกนอกที่พักในยามวิกาล รวมถึงเวลาเดินทางไปที่ใดก็ขอให้ไปเป็นหมู่คณะ อย่าแยกตัวไปเพียงลำพัง เพื่อเป็นการป้องกันตัวเองด้วย”

3. จำกัดจำนวนทรัพย์สินมีค่า
“เราค่อนข้างกังวลในเรื่องของมิจฉาชีพพอสมควร เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมา เคยมีเหตุการณ์กลุ่มมิจฉาชีพ ทำการจี้ชิงทรัพย์สินของนักกีฬาหรือสื่อมวลชนมาแล้วหลายครั้ง ดังนั้นเวลาเดินทางภายในประเทศเจ้าภาพ ก็ควรที่จะไม่นำทรัพย์สินล่อตาล่อใจเหล่าบรรดากลุ่มนี้ เนื่องจากอาจตกเป็นเหยื่อได้”

4. เชียร์อย่างสุภาพ
“ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เรารู้สึกกังวลเช่นกัน เพราะไม่อาจทราบแน่ชัดว่าจะมีแฟนกีฬาชาวไทยเดินทางไปให้กำลังใจนักกีฬาของเรามากน้อยเพียงใด จำนวนทีมงานของเราอาจดูแลได้ไม่ทั่วถึง ดังนั้น สิ่งที่อยากฝากเตือนกองเชียร์ว่าให้เชียร์ด้วยความสงบ อย่าแสดงพฤติกรรมยั่วยุฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะในยามที่นักกีฬาของเราลงแข่งกับนักกีฬาของเจ้าภาพ ซึ่งกองเชียร์ของเขาค่อนข้างรักชาติมาก หากไปทำการยั่วยุเข้าก็อาจเกิดเหตุร้ายแรงตามมาในภายหลัง ก็ขอให้เชียร์กีฬากันอย่างสุภาพ เพื่อสร้างความประทับใจให้กับนักกีฬาและคนดูด้วย”

5. วิธีปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน
“ไม่ว่าประเทศใดก็คงไม่อยากให้มีเหตุร้ายแรงระหว่างแข่งขัน ดังนั้นหากเกิดเหตุหรือภัยอันตรายแบบไม่คาดฝัน ขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ พยายามอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม และให้ออกห่างจากที่เกิดเหตุทันที เมื่อเหตุการณ์ทุกอย่างสงบเรียบร้อยดีแล้วก็ให้ทยอยเดินออกมาจากสนาม เพื่อความปลอดภัยของตัวเองด้วย”