ชายไทย กาญจนาคพันธุ์ นักกีฬาลอนโบว์ลสทีมชาติไทย ยื่นหนังสือต่อศาลปกครอง เพื่อฟ้องร้องคณะกรรมการสอบสวนนักกีฬาสมาคมลอนโบว์ลสแห่งประเทศไทย ถึงการกระทำอันก่อให้เกิดข้อสงสัยถึงการสั่งแบนห้ามลงแข่งขันรายการต่างๆ ภายใต้การรับรองของสมาคมฯ
เมื่อวันอังคารที่ 6 กันยายน 2554 ที่ผ่านมา ชายไทย กาญจนาคพันธุ์ นักกีฬาลอนโบว์ลสทีมชาติไทย เดินทางไปยังศาลปกครองเพื่อขอความเป็นธรรม กรณีโดนแบน 2 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2554 ถึง 29 กุมภาพันธ์ 2556 และถูกลบชื่อจากทำเนียบสมาคมนักกีฬา หลังสมาคมลอนโบว์ลสแห่งประเทศไทย อ้างว่าได้กระทำผิดต่อกฎข้อบังคับสมาคม รวมถึงสร้างความเสียหายให้แก่ ราชกรีฑาสโมสร และต่องานกีฬาประเทศไทย ทั้งยังระบุเพิ่มเติมว่าเป็นปฏิปักษ์กับสมาคมฯ
เรื่องดังกล่าว ชายไทย ย้อนความให้ฟังว่า "จุดเริ่มของปัญหาทั้งหมด เกิดขึ้นช่วงกลางปี 2552 โดย นางทรงศิลป์ เชาว์ ยอดนักกีฬาลอนโบว์ลสหญิงได้รับการติดต่อจากคณะกรรมการสหพันธ์ลอนโบว์ลสแห่งประเทศมาเลเซีย เชิญเข้าร่วมการแข่งขันชิงแชมป์เอเชียแปซิฟิก ครั้งที่ 13 หลังจากไม่ได้รับคำตอบจากสมาคมฯ ของไทย โดยสมาคมฯ อ้างว่าไม่ต้องการส่งนักกีฬาลงแข่ง ซึ่งผมกับพี่ทรงศิลป์ รวบรวมนักกีฬาขอสิทธิเข้าแข่งในนามประเทศไทย ซึ่งสมาคมฯ ชี้แจงว่าต้องออกค่าใช้จ่ายกันเอง โดยสมาคมฯ จะช่วยเหลือเรื่องการฝึกซ้อมและสถานที่ซ้อมเท่านั้น ซึ่งทางเราไม่มีปัญหา ดังนั้นสมาคมฯ จึงเปิดไฟเขียวให้แข่งขันได้ระหว่างวันที่ 8-16 สิงหาคม ปี 2552 แต่ก่อนเดินทางแค่ 5 วัน สมาคมฯ กลับแจ้งลงโทษผมว่าฝ่าฝืนกฎข้อบังคับการกีฬา จึงห้ามร่วมกิจกรรม 1 ปี ทั้งยังอ้างว่าลงแข่งโดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางสมาคมฯ ตรงนี้ผมจึงเกิดข้อสงสัยซึ่งก็มีการทวงถามโดยตลอด แต่ไม่เคยได้รับคำชี้แจง"
"จากนั้น สมาคมฯ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนนักกีฬาและเจ้าหน้าที่จำนวน 5 คน เมื่อสอบสวนเสร็จกลับกลายเป็นว่าเราไม่ได้รับคำชี้แจงใดๆ ผมจึงต้องร้องเรียนไปยังการกีฬาแห่งประเทศไทย ตั้งแต่เมื่อปลายปี 2552 แต่ก็ไม่ได้รับความเห็นใจ ที่ผ่านมา ผมและพี่ทรงศิลป์ ต้องพลาดเข้าร่วมการแข่งขันรายการรับเชิญส่วนตัวจากนานาประเทศ เนื่องจากสมาคมฯ อ้างว่าผมไม่ได้รับอนุญาติจากสมาคมฯ ให้ลงแข่งรายการต่างๆ ทั้งในและนอกประเทศ อย่างรายการ เมอร์เดกา อินดอร์ ชิงแชมป์เอเชียแปซิฟิก เมื่อปลายปี 2553 ซึ่งฝ่ายจัดเชิญเราเป็นการส่วนตัว เนื่องจากไม่ได้รับการตอบเข้าร่วมจากสมาคมฯ ของไทย โดยเราเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆ ด้วยตนเอง แต่ปัญหาก็เกิดขึ้น เมื่อสมาคมฯ ทำการส่งนักกีฬาลงแข่งขันด้วย ทางฝ่ายจัดพยายามไกล่เกลี่ยให้ไทยแข่งในนามทีมเอ ทีมบี แต่สมาคมฯ ไม่รับข้อเสนอ เป็นเหตุให้ต้องถอนทั้งสองทีมไปโดยปริยาย"
"จนกระทั่งเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา สมาคมฯ ได้ตั้งคณะกรรมการจากกองบัญชาการกองทัพไทยขึ้นมาสอบสวน ซึ่งมติโดยรวมเห็นว่าผมและพี่ทรงศิลป์ ไม่น่ามีความผิดเนื่องจากฝ่ายจัดการแข่งขันมีการเชิญแบบส่วนตัว เนื่องจากเห็นว่าเรามีความรู้และผ่านการอบรมของการกีฬาแห่งประเทศไทย ทั้งยังเป็นที่รู้จักแพร่หลายในแวดวงลอนโบว์ลส ในประเทศต่างๆ แต่พอถึงช่วงกลางเดือนมิถุนายน ผมได้รับแจ้งว่าทางประธานสหพันธ์ลอนโบว์ลสแห่งเอเชีย ส่งจดหมายขอโทษมายังสมาคมฯ ของไทย ถึงเรื่องที่ผมและพี่ทรงศิลป์ แอบอ้างเข้าร่วมการแข่งขัน ทางสมาคมฯ จึงสรุปบทลงโทษแบนผม 2 ปี ห้ามไม่ให้พี่ทรงศิลป์ ทำกิจกรรมใดๆ เกี่ยวกับสมาคมฯ 1 ปี ตั้งแต่ 1 มีนาคม 2554 ถึง 29 กุมภาพันธ์ 2555 ซึ่งผมเห็นว่ามติข้อกล่าวหาดังกล่าวมิชอบและไม่ได้เป็นการยอมรับจากนักกีฬา เนื่องจากเราไม่เคยได้รับคำชี้แจงใดๆ จากสมาคมฯ เมื่อเห็นว่าได้รับความเสียหาย ผมจึงต้องมายื่นฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม" ชายไทย ซึ่งรับใช้ลอนโบว์ลส ทีมชาติไทยเป็นเวลา 5-6 ปี ทิ้งท้าย
เมื่อวันอังคารที่ 6 กันยายน 2554 ที่ผ่านมา ชายไทย กาญจนาคพันธุ์ นักกีฬาลอนโบว์ลสทีมชาติไทย เดินทางไปยังศาลปกครองเพื่อขอความเป็นธรรม กรณีโดนแบน 2 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2554 ถึง 29 กุมภาพันธ์ 2556 และถูกลบชื่อจากทำเนียบสมาคมนักกีฬา หลังสมาคมลอนโบว์ลสแห่งประเทศไทย อ้างว่าได้กระทำผิดต่อกฎข้อบังคับสมาคม รวมถึงสร้างความเสียหายให้แก่ ราชกรีฑาสโมสร และต่องานกีฬาประเทศไทย ทั้งยังระบุเพิ่มเติมว่าเป็นปฏิปักษ์กับสมาคมฯ
เรื่องดังกล่าว ชายไทย ย้อนความให้ฟังว่า "จุดเริ่มของปัญหาทั้งหมด เกิดขึ้นช่วงกลางปี 2552 โดย นางทรงศิลป์ เชาว์ ยอดนักกีฬาลอนโบว์ลสหญิงได้รับการติดต่อจากคณะกรรมการสหพันธ์ลอนโบว์ลสแห่งประเทศมาเลเซีย เชิญเข้าร่วมการแข่งขันชิงแชมป์เอเชียแปซิฟิก ครั้งที่ 13 หลังจากไม่ได้รับคำตอบจากสมาคมฯ ของไทย โดยสมาคมฯ อ้างว่าไม่ต้องการส่งนักกีฬาลงแข่ง ซึ่งผมกับพี่ทรงศิลป์ รวบรวมนักกีฬาขอสิทธิเข้าแข่งในนามประเทศไทย ซึ่งสมาคมฯ ชี้แจงว่าต้องออกค่าใช้จ่ายกันเอง โดยสมาคมฯ จะช่วยเหลือเรื่องการฝึกซ้อมและสถานที่ซ้อมเท่านั้น ซึ่งทางเราไม่มีปัญหา ดังนั้นสมาคมฯ จึงเปิดไฟเขียวให้แข่งขันได้ระหว่างวันที่ 8-16 สิงหาคม ปี 2552 แต่ก่อนเดินทางแค่ 5 วัน สมาคมฯ กลับแจ้งลงโทษผมว่าฝ่าฝืนกฎข้อบังคับการกีฬา จึงห้ามร่วมกิจกรรม 1 ปี ทั้งยังอ้างว่าลงแข่งโดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางสมาคมฯ ตรงนี้ผมจึงเกิดข้อสงสัยซึ่งก็มีการทวงถามโดยตลอด แต่ไม่เคยได้รับคำชี้แจง"
"จากนั้น สมาคมฯ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนนักกีฬาและเจ้าหน้าที่จำนวน 5 คน เมื่อสอบสวนเสร็จกลับกลายเป็นว่าเราไม่ได้รับคำชี้แจงใดๆ ผมจึงต้องร้องเรียนไปยังการกีฬาแห่งประเทศไทย ตั้งแต่เมื่อปลายปี 2552 แต่ก็ไม่ได้รับความเห็นใจ ที่ผ่านมา ผมและพี่ทรงศิลป์ ต้องพลาดเข้าร่วมการแข่งขันรายการรับเชิญส่วนตัวจากนานาประเทศ เนื่องจากสมาคมฯ อ้างว่าผมไม่ได้รับอนุญาติจากสมาคมฯ ให้ลงแข่งรายการต่างๆ ทั้งในและนอกประเทศ อย่างรายการ เมอร์เดกา อินดอร์ ชิงแชมป์เอเชียแปซิฟิก เมื่อปลายปี 2553 ซึ่งฝ่ายจัดเชิญเราเป็นการส่วนตัว เนื่องจากไม่ได้รับการตอบเข้าร่วมจากสมาคมฯ ของไทย โดยเราเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆ ด้วยตนเอง แต่ปัญหาก็เกิดขึ้น เมื่อสมาคมฯ ทำการส่งนักกีฬาลงแข่งขันด้วย ทางฝ่ายจัดพยายามไกล่เกลี่ยให้ไทยแข่งในนามทีมเอ ทีมบี แต่สมาคมฯ ไม่รับข้อเสนอ เป็นเหตุให้ต้องถอนทั้งสองทีมไปโดยปริยาย"
"จนกระทั่งเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา สมาคมฯ ได้ตั้งคณะกรรมการจากกองบัญชาการกองทัพไทยขึ้นมาสอบสวน ซึ่งมติโดยรวมเห็นว่าผมและพี่ทรงศิลป์ ไม่น่ามีความผิดเนื่องจากฝ่ายจัดการแข่งขันมีการเชิญแบบส่วนตัว เนื่องจากเห็นว่าเรามีความรู้และผ่านการอบรมของการกีฬาแห่งประเทศไทย ทั้งยังเป็นที่รู้จักแพร่หลายในแวดวงลอนโบว์ลส ในประเทศต่างๆ แต่พอถึงช่วงกลางเดือนมิถุนายน ผมได้รับแจ้งว่าทางประธานสหพันธ์ลอนโบว์ลสแห่งเอเชีย ส่งจดหมายขอโทษมายังสมาคมฯ ของไทย ถึงเรื่องที่ผมและพี่ทรงศิลป์ แอบอ้างเข้าร่วมการแข่งขัน ทางสมาคมฯ จึงสรุปบทลงโทษแบนผม 2 ปี ห้ามไม่ให้พี่ทรงศิลป์ ทำกิจกรรมใดๆ เกี่ยวกับสมาคมฯ 1 ปี ตั้งแต่ 1 มีนาคม 2554 ถึง 29 กุมภาพันธ์ 2555 ซึ่งผมเห็นว่ามติข้อกล่าวหาดังกล่าวมิชอบและไม่ได้เป็นการยอมรับจากนักกีฬา เนื่องจากเราไม่เคยได้รับคำชี้แจงใดๆ จากสมาคมฯ เมื่อเห็นว่าได้รับความเสียหาย ผมจึงต้องมายื่นฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม" ชายไทย ซึ่งรับใช้ลอนโบว์ลส ทีมชาติไทยเป็นเวลา 5-6 ปี ทิ้งท้าย
