ขุนพลแข้ง “ช้างศึก” ทีมชาติไทย เปิดรังไล่ทิ่มเอาชนะ โอมาน 3-0 ประเดิมเก็บสามแต้มในศึกฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย นัดที่สอง กลุ่มดี เมื่อค่ำวันอังคารที่ 6 กันยายน 2554
ฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย นัดที่สอง กลุ่มดี
ไทย 3-0 โอมาน
หลังจากทำผลงานได้ดี แม้บุกพ่าย “จิงโจ้” ออสเตรเลีย 1-2 ทำให้ “วินนี” วินฟรีด เชเฟอร์ กุนซือชาวเยอรมัน ไม่ปรับโผ 11 ผู้เล่นตัวจริง ทีมชาติไทย ในการเปิดสนามราชมังคลากีฬาสถาน รับการมาเยือนของ โอมาน ที่นัดแรกเล่นในถิ่นเสมอ ซาอุดีอาระเบีย 0-0 โดย “ช้างศึก” ฝากความหวังไว้ที่ “เจ้ามุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา หัวหอกตัวเป้า ขณะที่ ดัสกร ทองเหลา คอยปั้นเกมแดนกลาง
ขณะที่ทีมเยือน ปอล เลอ กูเอ็น กุนซือจอมวางหมากชาวฝรั่งเศส ใช้ขุมกำลังหลักลงสนามครบครัน ไม่ว่าจะเป็น อาลี อัล-ฮับซี นายทวารจอมหนึบของ วีแกน แอธเลติก ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ อิสมาอิล อัล อัจมี มิดฟิลด์ตัวทำเกมที่เล่นอยู่ในคูเวต และ เอหมัด อัล ฮอสนี ศูนย์หน้าที่ค้าแข้งในกาตาร์ รวมถึง ฟาวซี บาเชียร์ กองกลางตัวรุก กับ อาเหม็ด มูบารัค ตัวตัดเกมก็อยู่ในชุดนั้นทั้งหมด
เริ่มเกมการแข่งขัน ทั้งสองฝ่ายไม่ผลีผลามใส่กัน ถึงนาทีที่ 4 แฟนๆ ชาวไทยเกือบได้เฮเมื่อ ธีรศิลป์ แดงดา แทงทะลุช่องให้ ดัสกร ทองเหลา หลุดกับดักล้ำหน้าลุ้นยิงในกรอบโทษ ทว่า อาลี อัล-ฮับซี อ่านเกมออกมาเคลียร์บอลทิ้งได้หวุดหวิด โอมาน พอตั้งเกมได้บ้าง ทว่าห้านาทีถัดมา “ช้างศึก” รุกขึ้นมาทางกราบซ้าย รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค เปิดบอลเข้ากลางเลยมาถึง ดัสกร ได้ซัดด้วยขวาบอลเหินข้ามคาน ผ่าน 10 นาทีไทยยิ่งเล่นยิ่งได้ใจ “เจ้ามุ้ย” ลากตะลุยเข้ากรอบโทษ ทีมเยือนสกัดบอลหลุดมาให้ สมปอง สอแหลบ ส่องด้วยขวา อัล-ฮับซี ปิดมุมรับเข้าซอง
ถึงครึ่งชั่วโมง โอมาน ตั้งลำได้ดีขึ้น หาจังหวะคอยสวนกลับแต่ยังเป็น ไทย ที่ดันเกมขึ้นมากดดันได้ดีกว่า เกมเดินทางมาถึงนาทีที่ 34 หลังบุกกดดันอยู่นาน ไทย ก็ออกนำ 1-0 จนได้ เมื่อ ธีรศิลป์ ตอกส้นให้ สมปอง หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปจิ้มบอลผ่านมือ อัล-ฮับซี ซุกก้นตาข่าย ก่อนหมดครึ่งแรก 5 นาที สกอร์ไหลเป็น 2-0 เมื่อ ดัสกร วางบอลยาวในจังหวะสวนกลับให้ “เจ้ามุ้ย” ใช้ความแข็งแกร่งเบียดกับ ฮาชิม อัล-บาลูชี ก่อนป้ายบอลหนีมือ อัล-ฮับซี เสียบเสาไกลอย่างสวยงาม ท้ายครึ่งแรก ผู้มาเยือนลุ้นตีไข่แตกทว่าลูกโหม่งของ เอหมัด อัล ฮอสนี ไม่ผ่านมือ สินทวีชัย หทัยรัตนกุล จบ 45 นาทีแรก ไทย ถือความได้เปรียบเต็มประตู
ลุยต่อครึ่งหลัง วินฟรีด เชเฟอร์ ปรับหมากให้ไทย ด้วยการส่ง สุเชาว์ นุชนุ่ม ลงไปไล่แดนกลางแทน อดุลย์ หละโส จากนั้นเกมดูเปิดมากขึ้น เจ้าถิ่นมาได้ฟรีคิกระยะกว่า 35 หลา นิเวส ศิริวงศ์ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟจอมเก๋าตะบันเองแต่คราวนี้ อัล-ฮับซี ไม่พลาด นาที 53 “ช้างศึก” เกือบหนีห่างเมื่อ รังสรรค์ กระชากขึ้นมาทางกราบซ้ายอีกครั้ง ก่อนไหลใส่พานให้ ธีรศิลป์ แปเน้นๆ บอลกระแทกเสาออกมา ถัดมา โอมาน น่าจะได้ประตูตีไข่แตกเช่นกัน ซาอัด ซูฮาลิล เติมขึ้นมาโขกลูกเตะมุมหลุดเสาไม่ห่าง จากนั้น “เจ้ามุ้ย” ที่โชว์ฟอร์มโดดเด่นจ่ายให้ “กบไซเบอร์” สุเชาว์ ทะลุขึ้นมายิงไม่ตรงเป้าหมาย
ผ่านหนึ่งชั่วโมง “วินนี” แก้เกมอีกครั้งใส่ สุรีย์ สุขะ ลงไปเล่นแทน สมปอง ถัดมา สุรีย์ หลุดเข้ากรอบโทษก่อนโดนกองหลังผู้มาเยือนแซะล้ม ทว่า คิม ดอง จิน ผู้ตัดสินชาวเกาหลีไม่เป่านกหวีดยาวแต่อย่างใด เข้าสู่ช่วง 20 นาทีสุดท้าย เชเฟอร์ ทิ้งไพ่ใบสุดท้ายถอด ธีรศิลป์ ออกมาพักแล้วให้ ชาตรี ฉิมทะเล กองหน้าที่มีความเร็วลงไปเล่นเกมโต้กลับ 10 นาทีสุดท้าย โอมาน โหมบุกใส่ อัล ฮอสนี จักรยานอากาศยิงบอลไปเข้าซอง “เจ้าตี๋” สินทวีชัย
เข้าสู่ช่วงทดเจ็บ สุรีย์ ตักบอลให้ ชาตรี ขวิดบอลแฉลบตัว ราชิด อัล ฟาร์ซี เข้าประตูตัวเอง ครบ 90 นาที ไทย คว้าชัยชนะหรู 3-0 เก็บสามแต้มจากการลงสนามนัดที่สอง โดยนัดต่อไปของขุนพล “ช้างศึก” คือ การเปิดราชมังคลากีฬาสถาน รับการมาเยือนของ ซาอุดีอาระเบีย เย็นวันอังคารที่ 11 ต.ค.นี้
ส่วนผลการแข่งอีกคู่ในกลุ่มเดียวกัน ซาอุดิอาระเบีย เปิดบ้านพ่าย "จิงโจ้" ออสเตรเลีย ไป 1-3 โดยทีมเยือนได้จากโจชัว เคนนดี นาที 40,56 และจุดโทษจาก ลุค วิลเชียร์ นาที 77 ส่วนเจ้าบ้านได้จาก นาสซีห์ อัล ชามรานี นาที 65 ส่งผลให้ออสเตรเลีย เบียดไทยขึ้นเป็นอันดับ 1 ของกลุ่ม หลังเก็บชัยได้ 2 นัด มี 6 คะแนนเต็ม
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
ไทย - สินทวีชัย หทัยรัตนกุล, จักรพันธ์ แก้วพรหม, ชลทิตย์ จันทคาม, นิเวส ศิริวงค์, ศุภชัย คมศิลป์, สมปอง สอเหลบ, สุรัตน์ สุขะ, อดุล หละโส, รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค, ดัสกร ทองเหลา (กัปตันทีม), ธีรศิลป์ แดงดา
โอมาน - อาลี อัล-ฮับซี , ฮาซาน มัดฮาฟาร์ , ซาอัด ซูฮาอิล , ฮาชิม อัล-บาลูชี , อูมา ดาร์วิช , อาเหม็ด มูบารัค , อาเหม็ด ฮาดิด , ฟาวซี บาเชียร์ , ราชิด อัล ฟาร์ซี , โอซิม ซาอิด , เอหมัด อัล ฮอสนี