โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ยอดนักเทนนิสชาวสวิสฯ ยืนยันอายุที่ขึ้นเลขสามจะไม่ลดทอนความกระหายในความสำเร็จของตนเอง และมั่นใจว่าเกมการเล่นยังดีพอจะคว้าแชมป์แกรนด์สแลมสุดท้ายของปี 2011 "ยูเอส โอเพน" ที่นิวยอร์ค ซึ่งเริ่มการแข่งขันในวันนี้ (29 ส.ค.)
เฟเดอเรอร์ ลงแข่งขันยูเอส โอเพน ปีนี้ ด้วยเป้าหมายหลีกเลี่ยงการไร้แชมป์แกรนด์สแลมติดมือเป็นครั้งแรกนับแต่ปี 2003 ขณะเดียวกันการชิงชัยในสังเวียนฟลัชชิง เมโดวส์ ยังเป็นทัวร์นาเมนท์ใหญ่รายการแรกของนักหวดชาวสวิสนับแต่อายุครบ 30 ปีเต็มเมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา
สำหรับอายุดังกล่าวถือว่าเป็นอุปสรรคของความสำเร็จในวงการเทนนิส เพราะการแข่งขันแกรนด์สแลมใน 100 ครั้งหลังสุดมีผู้เล่นชายเพียง 5 คนที่คว้าแชมป์ตอนอายุเกินกว่า 30 ปี ซึ่งครั้งล่าสุดเป็น อังเดร อากัซซี นักหวดอเมริกันทำได้เมื่อปี 2003 จากการคว้าแชมป์รายการออสเตรเลียน โอเพน
อย่างไรก็ตาม เฟเดอเรอร์ มั่นใจว่าอายุไม่ส่งผลกระทบต่อตนเอง "ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น ผมเป็นเหมือนเดิมอย่างนักเทนนิสอาชีพ ยังคงกระหายความสำเร็จ มันเหมือนเดิมอย่างสิ้นเชิง สิ่งที่เปลี่ยนเป็นเพียงแค่ตัวเลขเท่านั้น ผมยังพร้อมแข่งขันเสมอ"
เฟเดอเรอร์ คว้าแชมป์แกรนด์สแลมแล้ว 16 รายการ โดยเป็นแชมป์ยูเอส โอเพน 5 สมัย ซึ่งทำได้ติดต่อกันตั้งแต่ปี 2004-2008 ก่อนที่ชัยชนะ 40 แมตช์ติดต่อกันบนสังเวียนฟลัชชิง เมโดว์ส ยุติลงในรอบชิงชนะเลิศ เมื่อปี 2009 ที่แพ้ต่อ ฮวน มาร์ติน เดล ปอโตร นักหวดอาร์เจนไตน์ ส่วนปี 2010 ตกรอบตัดเชือกจากการพ่ายต่อ โนวัค ยอโควิช แร็กเกตชาวเซิร์บ มือ 1 ของโลกคนปัจจุบัน
ขณะที่ตลอดการเล่นอาชีพ เฟเดอเรอร์ มีสถิติชนะ 223 แพ้ 33 ในรายการแกรนด์สแลม โดยจะทำสถิติชนะมากที่สุดตลอดกาลเป็นอันดับสองเทียบเท่าสถิติของ อากัซซี ถ้าหากเอาชนะ ซานติอาโก จิรัลโด นักหวดชาวโคลัมเบีย ในการแข่งขันรอบแรกวันนี้ ขณะที่ จิมมี คอนเนอร์ส ตำนานชาวอเมริกัน ครองสถิติชนะแกรนด์สแลมสูงสุดจำนวน 233 แมตช์
"ผมรู้สึกว่าการเล่นของผมยังอนุญาตให้ผมเล่นได้อีกหลายปี เพราะสไตล์การเล่นของผมเป็นแบบสบายๆ ผมยังปฏิบัติตัวอย่างนักกีฬาอาชีพดีที่ ทั้งการนวด, การยืดเส้นยืดสาย การดูแลอาหารการกิน การนอนและอะไรต่างๆเหล่านั้น ดังนั้นผมมองไปที่ระยะยาวเสมอ นั้นคือเหตุผลที่ผมมั่นใจว่าจะสามารถเล่นอยู่ในระดับสูงต่อไปอีกหลายปี" เฟเดอเรอร์ กล่าวทิ้งท้าย
เฟเดอเรอร์ ลงแข่งขันยูเอส โอเพน ปีนี้ ด้วยเป้าหมายหลีกเลี่ยงการไร้แชมป์แกรนด์สแลมติดมือเป็นครั้งแรกนับแต่ปี 2003 ขณะเดียวกันการชิงชัยในสังเวียนฟลัชชิง เมโดวส์ ยังเป็นทัวร์นาเมนท์ใหญ่รายการแรกของนักหวดชาวสวิสนับแต่อายุครบ 30 ปีเต็มเมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา
สำหรับอายุดังกล่าวถือว่าเป็นอุปสรรคของความสำเร็จในวงการเทนนิส เพราะการแข่งขันแกรนด์สแลมใน 100 ครั้งหลังสุดมีผู้เล่นชายเพียง 5 คนที่คว้าแชมป์ตอนอายุเกินกว่า 30 ปี ซึ่งครั้งล่าสุดเป็น อังเดร อากัซซี นักหวดอเมริกันทำได้เมื่อปี 2003 จากการคว้าแชมป์รายการออสเตรเลียน โอเพน
อย่างไรก็ตาม เฟเดอเรอร์ มั่นใจว่าอายุไม่ส่งผลกระทบต่อตนเอง "ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น ผมเป็นเหมือนเดิมอย่างนักเทนนิสอาชีพ ยังคงกระหายความสำเร็จ มันเหมือนเดิมอย่างสิ้นเชิง สิ่งที่เปลี่ยนเป็นเพียงแค่ตัวเลขเท่านั้น ผมยังพร้อมแข่งขันเสมอ"
เฟเดอเรอร์ คว้าแชมป์แกรนด์สแลมแล้ว 16 รายการ โดยเป็นแชมป์ยูเอส โอเพน 5 สมัย ซึ่งทำได้ติดต่อกันตั้งแต่ปี 2004-2008 ก่อนที่ชัยชนะ 40 แมตช์ติดต่อกันบนสังเวียนฟลัชชิง เมโดว์ส ยุติลงในรอบชิงชนะเลิศ เมื่อปี 2009 ที่แพ้ต่อ ฮวน มาร์ติน เดล ปอโตร นักหวดอาร์เจนไตน์ ส่วนปี 2010 ตกรอบตัดเชือกจากการพ่ายต่อ โนวัค ยอโควิช แร็กเกตชาวเซิร์บ มือ 1 ของโลกคนปัจจุบัน
ขณะที่ตลอดการเล่นอาชีพ เฟเดอเรอร์ มีสถิติชนะ 223 แพ้ 33 ในรายการแกรนด์สแลม โดยจะทำสถิติชนะมากที่สุดตลอดกาลเป็นอันดับสองเทียบเท่าสถิติของ อากัซซี ถ้าหากเอาชนะ ซานติอาโก จิรัลโด นักหวดชาวโคลัมเบีย ในการแข่งขันรอบแรกวันนี้ ขณะที่ จิมมี คอนเนอร์ส ตำนานชาวอเมริกัน ครองสถิติชนะแกรนด์สแลมสูงสุดจำนวน 233 แมตช์
"ผมรู้สึกว่าการเล่นของผมยังอนุญาตให้ผมเล่นได้อีกหลายปี เพราะสไตล์การเล่นของผมเป็นแบบสบายๆ ผมยังปฏิบัติตัวอย่างนักกีฬาอาชีพดีที่ ทั้งการนวด, การยืดเส้นยืดสาย การดูแลอาหารการกิน การนอนและอะไรต่างๆเหล่านั้น ดังนั้นผมมองไปที่ระยะยาวเสมอ นั้นคือเหตุผลที่ผมมั่นใจว่าจะสามารถเล่นอยู่ในระดับสูงต่อไปอีกหลายปี" เฟเดอเรอร์ กล่าวทิ้งท้าย
