โฆเซ มาเรีย ปาซอส เมนเดส หรือ "ปูลปิส" ประกาศอำลาตำแหน่งหัวหน้าโค้ชทีมฟุตซอลไทย หลัง "บิ๊กป๋อม" อดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ ถูกเด้งพ้นตำแหน่งประธานโต๊ะเล็กไทย
หลังจากที่ "บังยี" วรวีร์ มะกูดี ได้รับการเลือกตั้งให้เป็นผู้ชนะในศึกชิงเก้าอี้นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ อีกสมัย ส่งผลให้การประกาศรายชื่อผู้บริหารสมาคมฯ ชุดใหม่ ไร้ชื่อของคู่แข่งอย่าง วิรัช ชาญพานิชย์ และ "บิ๊กป๋อม" อดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ นั่งในสภาสภากรรมการ โดยในรายของ "บิ๊กป๋อม" ถึงกับถูกปลดจากประธานพัฒนาฟุตซอล และตำแหน่งผู้จัดการทีมชาติไทย เนื่องจากถูกมองว่าเป็นกลุ่ม "ชลบุรี เอฟซี" ที่ให้ความสนับสนุนคู่แข่ง "บังยี"
ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีกระแสข่าวความไม่พอใจของนักเตะทีมชาติไทยหลายคนที่อาจจะถอนตัว รวมถึง โฆเซ มาเรีย ปาซอส เมนเดส หรือ "ปูลปิส" หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมฟุตซอลไทย ชาวสเปนด้วย อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นได้มีการแต่งตั้ง "บิ๊กแป๊ะ" ถิรชัย วุฒิธรรม มารับหน้าที่แทน "บิ๊กป๋อม" เพื่อภาระกิจเดินหน้าจัดการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก 2012 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ กระแสข่าวดังกล่าวจึงเงียบหายไป
กระทั่งล่าสุด "ปูลปิส" ได้แถลงผ่านจดหมายเปิดผนึกเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2554 ว่าได้ลาออกจากการเป็นโค้ชของทีมชาติไทยเรียบร้อยแล้ว
สำหรับผลงานของ "ปูลปิส" ที่ได้สร้างประวัติศาสตร์กับทีมชาติไทยคือการพาทีมชาติไทยได้รองแชมป์เอเชีย 2008 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ และในการแข่งขันชิงแชมป์โลก 2008 ที่บราซิล ก็นำทีมชาติไทยเอาชนะสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นอดีตรองแชมป์โลก 5-3
***จดหมายเปิดผนึกของ โฆเซ มาเรีย ปาซอส เมนเดส หรือ "ปูลปิส"
ผมขอประกาศอย่างเป็นทางการในวันนี้ว่าผมลาออกและถอนตัวจากการเป็นโค้ชฟุตซอลทีมชาติไทยโดยมีผลในทันที เมื่อหลายสัปดาห์ที่ผ่านมามีกระแสข่าวลือออกมากมากมายเกี่ยวกับตัวผมว่าจะตัดสินใจอย่างไร ในอนาคตในตำแหน่งโค้ชทีมชาติไทย อย่างไรก็ตามความจริงก็คือว่าแม้ว่าสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยจะได้ยื่นข้อเสนอเสนอให้ผมได้พิจารณา ซึ่งผมและตัวแทนของผมได้หารือกันถึงข้อเสนอต่างๆ และระยะเวลาของสัญญา
ผมยอมรับว่าผมได้รับข้อเสนอมากมายจากทีมชาติอื่น รวมถึงสโมสรชั้นนำในลีกจากต่างประเทศ แต่ผมยังไม่ได้ตัดสินใจที่จะลงนามกับทีมใด เพราะมันเป็นการยากที่จะตัดสินใจ ในชีวิตการทำงานในอาชีพฟุตซอลของผมในเวลา สองเดือนที่ผ่านมา
ผมทำงานให้กับทีมชาติไทย มาสามปีครึ่ง ตลอดระยะเวลาที่อยู่กับทีมชาติไทย ผมได้ใช้ความสามารถทั้งหมดที่ผมมี ทุกหยาดเหงื่อที่ผมทุ่มเท เพื่อให้แน่ใจว่าผมจะทำให้ทีมชาติไทยเป็นหนึ่งในทีมที่น่าเกรงกลัว และเหนือกว่าทีมอื่นๆ ผมรักช่วงเวลาที่ผมได้ทำงานร่วมกันกับทีมงานของผมในทีมชาติไทย
วันนี้ผมภาคภูมิใจมาก และสามารถพูดได้ว่าทีมชาติไทยถือเป็นทีมที่ได้รับการยกย่อง จากทีมอื่นในโลก ว่าเป็นทีมที่แข็งแกร่งทีมหนึ่งของโลก
แน่นอนว่าผมถือว่านี่เป็นความสำเร็จที่ผมได้สร้างขึ้นมา แต่ผมยอมรับว่าความสำเร็จทั้งหมดของผมเกิดจากการสนับสนุนจากคุณอดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ อดีตประธานพัฒนาฟุตซอล ผู้ซึ่งเป็นบุคคลที่ผมถือว่า ดีที่สุดในวงการฟุตซอลที่ผมได้รู้จัก และเป็นบุคคลที่ทุ่มเทแรงกาย และแรงใจให้กับการทำทีมฟุตซอล ผมจะไม่ลืมมิตรภาพการสนับสนุนของเขาและคำแนะนำ ผมนับถือเขาและหวังว่าสักวันหนึ่งโชคชะตาจะนำพาให้เรากลับมาร่วมงานกันได้อีกครั้ง เรามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันและร่วมกันผลักดันไปสู้ความสำเร็จ
ในวันที่ผมต้องจากไป ผมอยากขอขอบคุณ สตาฟฟ์โค้ชของผม เจ้าหน้าที่ทีมด้านเทคนิค และด้านบริหารจัดการ รวมถึงนักกีฬาทุกคน ขอบคุณสำหรับความทุ่มเทเพื่อให้ประสบความสำเร็จ ภายใต้แรงกดดันตลอดระยะเวลา เกือบ 3 ปี ที่เราได้ร่วมงานกัน
ที่สำคัญจากความจริงใจของผม ต้องขอบคุณแฟนๆ ทุกคนที่ได้ให้การสนับสนุนงานของผมและทีมงานในช่วงสามปีที่ผ่านมา และสุดท้ายแน่นอนที่สุดและสำคัญมาก ผมอยากจะขอบคุณสื่อมวลชนทั้งหลาย ที่ให้การสนับสนุนผมมาโดยตลอด ผมจะขอจดจำไว้ว่าการที่ผมได้มาทำงานให้กับประเทศไทยนั้นนับเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของผม ประเทศไทย นี้เป็นประเทศที่สวยงามกับและคนไทยยังเป็นคนที่น่าทึ่งมาก
ผมเสียใจที่ผมต้องลาออก แต่เต็มไปด้วยความทรงจำที่ดีที่สุด ของประเทศที่น่าอยู่ รวมถึงมิตรภาพคนไทยทุกคน
ขอบคุณครับ
โฆเซ มาเรีย ปาซอส เมนเดส