ศึก พรีเมียร์ชิป อังกฤษ ฤดูกาล 2011-12 ได้ฤกษ์เปิดฉากระหว่างวันที่ 13-15 สิงหาคมนี้ ท่ามกลางความเข้มข้นของหัวตารางที่เสริมทัพอย่างบ้าระห่ำ ไม่ว่าจะเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล ทว่า อีกฟากของตารางโดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดา “น้องใหม่” กลับขยับตัวน้อยนิดไม่น่าประทับใจเท่าที่ควร ลองไปสำรวจทั้ง 3 ทีมพร้อมคำทำนายจาก “เดลี เมล” (DAILY MAIL) สื่อดังเมืองผู้ดีว่าจะหมู่หรือจ่าในปีหน้า
ควีนสปาร์ค เรนเจอร์ส
คิวพีอาร์ เลื่อนชั้นขึ้นมาด้วยศักดิ์ศรีแชมป์ เดอะแชมเปียนชิป ถือเป็นครั้งแรกรอบ 15 ปีที่ได้เล่นลีกสูงสุดภายใต้การคุมทัพของ นีล วอร์น็อค กุนซือรายนี้ชื่อคุ้นหูกันดีมีฝีไม้ลายมือพอตัวทว่าแค่ระดับ ดิวิชัน 1 เท่านั้น เพราะเคยโลดแล่น พรีเมียร์ชิป กับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด แต่ก็ไปไม่รอด เนื่องจากอาจจะเป็นเพราะปากของตัวเองที่แกว่งหาเสี้ยนไปเรื่อย
ดูผิวเผิน คิวพีอาร์ จะคล้ายกับ แบล็กพูล ที่เลื่อนชั้นสู่ พรีเมียร์ชิป เมื่อปีที่แล้ว ทว่าต้องตกชั้นกลับไปภายในปีเดียว ตรงที่มีจอมทัพเพียงแค่คนเดียวที่เชื่อขนมกินได้ คือ อเดล ทารับท์ กองกลางเลือดโมร็อกโก ส่วน “เดอะซีไซเดอร์ส” มี ชาร์ลี อดัม สุดท้ายก็แบกทีมไม่ไหว อย่างไรก็ตาม “ทหารเสือราชินี” มีอีกแข้งที่น่าจับตามอง คือ อเลฆานโดร ฟัวร์ลิน กองกลางชาวอาร์เจนไตน์
สไตล์การเล่นของ คิวพีอาร์ ยืดหยุ่นดีทั้งรุกและรับปีที่แล้ว ทารับท์ คือ คีย์แมนตัวจริงซัดไป 19 ประตู ทว่า ดูจากกองหน้าแล้วน่าเป็นห่วง เพราะหมดสภาพแล้วทั้ง ไฮดาร์ เฮลกูสัน และ โรเบิร์ต เฮาส์ แม้ได้ โบธอยด์ ที่เคยติดทีมชาติอังกฤษมาเสริมจาก คาร์ดิฟฟ์ ซิตี ก็ยังไว้ใจไม่ได้ รวมถึง ดีเจ แคมป์เบลล์ จาก แบล็กพูล ราคา 1.25 ล้านปอนด์ (ประมาณ 62.5 ล้านบาท) ส่วน คีรอน ดายเดอร์ ปีกวัย 32 ปี และ แดนนี แก็บบิดอน กองหลัง ก็ดูจะหมดสภาพแล้ว
“เดลี เมล” ฟันธง-อันดับ 14
นอริช ซิตี
นอริช ชุดนี้นำทัพโดย พอล แลมเบิร์ต อดีตกองกลางทีมชาติสกอตแลนด์ ของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ชุดคว่ำ ยูเวนตุส 3-1 คว้าถ้วย ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก เมื่อปี 1997 น่าสนใจเพราะว่าเล่นเกมรุกได้เร้าใจที่สุดในศึก เดอะแชมเปียนชิป เมื่อปีที่แล้วจนคว้าอันดับ 2 เลื่อนชั้นแบบอัตโนมัติ
ทว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วง ก็คือ เกมรับและยามออกไปเป็นทีมเยือนดูจากรายชื่อนักเตะที่ได้มาเสริมหลังบ้านอย่าง 2 ฟูลแบ็ก ริทชี เดอ ลาเอ็ท ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ไคล์ นัฟตัน ของ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ แบบยืมตัวก็คงไม่ได้ช่วยให้เหนียวแน่นขึ้นมากนัก
ส่วนแนวรุกปีที่แล้วมี แกรนท์ โฮลท์ กองหน้ากัปตันทีมวัย 30 ปี พุ่งขึ้นมาคั่วดาวซัลโวด้วยการซัดไป 21 ประตู โดยซัมเมอร์นี้ แลมเบิร์ต ควักเงินซื้อ 2 หัวหอกที่น่าสนใจอย่าง เจมส์ วอห์น จาก เอฟเวอร์ตัน ค่าตัว 2.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 125 ล้านบาท) และ สตีฟ มอริสัน จาก มิลล์วอลล์ ค่าตัว 2.8 ล้านปอนด์ (ประมาณ 140 ล้านบาท) ส่วนรายอื่นชื่อชั้นไม่ประทับใจมากนัก
“เดลี เมล” ฟันธง-อันดับ 15
สวอนซี
สวอนซี เลื่อนชั้นตาม คิวพีอาร์ และ นอริช หลังคว้าอันดับ 3 ก่อนเอาชนะ เรดดิง เพลย์ออฟนัดชิงชนะเลิศที่สนาม เวมบลีย์ 4-2 จากแฮตทริกฮีโรของ สกอตต์ ซินแคลร์ ทำให้กลายเป็นสโมสรแรกจาก เวลส์ ที่ได้เล่นใน พรีเมียร์ชิป นับตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อปี 1992
ต้องยกความดีความชอบให้กับ ซินแคลร์ อดีตกองหน้า เชลซี เพราะฤดูกาลปกติก็ซัดไปถึง 22 ประตู โดยมีความเร็วจัดจ้านลีลาคล้าย ธีโอ วัลค็อตต์ แนวรุกของ อาร์เซนอล ต้องยอมรับว่าแผงหัวหอกของ สวอนซี ชื่อชั้นไม่ธรรมดา เพราะมีทั้ง เคร็ก บีทตี, ลุค มัวร์ แถมซัมเมอร์นี้ยังได้ เลรอย ลิตา มาจาก มิดเดิลสโบรช์ ค่าตัว 1.75 ล้านปอนด์ (ประมาณ 87.5 ล้านบาท) รวมถึง แดนนี เกรแฮม ค่าตัว 3.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 175 ล้านบาท) รายหลังปีที่แล้วซัดให้ วัตฟอร์ด 24 ประตูเลยทีเดียว ปิดท้ายด้วย เวย์น รูทเล็ดจ์ ปีกร่างเล็กจาก นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด
สำหรับกุนซือของ สวอนซี ก็คือ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส สไตล์การทำทีมของหมอนี่ คือ กล้าได้กล้าเสียเปิดรุกทั้งในบ้านและนอกบ้าน อย่างไรก็ตามน่าเป็นห่วงนักเตะหลายคนทั้งกองหลังและกองกลางไม่มีประสบการณ์ลุยศึก พรีเมียร์ชิป อาจจะเพลี่ยงพล้ำ หากออกสตาร์ทไม่ดีคงต้องลุ้นหนีตกชั้นกันยาว
“เดลี เมล” ฟันธง-อันดับ 18
ควีนสปาร์ค เรนเจอร์ส
คิวพีอาร์ เลื่อนชั้นขึ้นมาด้วยศักดิ์ศรีแชมป์ เดอะแชมเปียนชิป ถือเป็นครั้งแรกรอบ 15 ปีที่ได้เล่นลีกสูงสุดภายใต้การคุมทัพของ นีล วอร์น็อค กุนซือรายนี้ชื่อคุ้นหูกันดีมีฝีไม้ลายมือพอตัวทว่าแค่ระดับ ดิวิชัน 1 เท่านั้น เพราะเคยโลดแล่น พรีเมียร์ชิป กับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด แต่ก็ไปไม่รอด เนื่องจากอาจจะเป็นเพราะปากของตัวเองที่แกว่งหาเสี้ยนไปเรื่อย
ดูผิวเผิน คิวพีอาร์ จะคล้ายกับ แบล็กพูล ที่เลื่อนชั้นสู่ พรีเมียร์ชิป เมื่อปีที่แล้ว ทว่าต้องตกชั้นกลับไปภายในปีเดียว ตรงที่มีจอมทัพเพียงแค่คนเดียวที่เชื่อขนมกินได้ คือ อเดล ทารับท์ กองกลางเลือดโมร็อกโก ส่วน “เดอะซีไซเดอร์ส” มี ชาร์ลี อดัม สุดท้ายก็แบกทีมไม่ไหว อย่างไรก็ตาม “ทหารเสือราชินี” มีอีกแข้งที่น่าจับตามอง คือ อเลฆานโดร ฟัวร์ลิน กองกลางชาวอาร์เจนไตน์
สไตล์การเล่นของ คิวพีอาร์ ยืดหยุ่นดีทั้งรุกและรับปีที่แล้ว ทารับท์ คือ คีย์แมนตัวจริงซัดไป 19 ประตู ทว่า ดูจากกองหน้าแล้วน่าเป็นห่วง เพราะหมดสภาพแล้วทั้ง ไฮดาร์ เฮลกูสัน และ โรเบิร์ต เฮาส์ แม้ได้ โบธอยด์ ที่เคยติดทีมชาติอังกฤษมาเสริมจาก คาร์ดิฟฟ์ ซิตี ก็ยังไว้ใจไม่ได้ รวมถึง ดีเจ แคมป์เบลล์ จาก แบล็กพูล ราคา 1.25 ล้านปอนด์ (ประมาณ 62.5 ล้านบาท) ส่วน คีรอน ดายเดอร์ ปีกวัย 32 ปี และ แดนนี แก็บบิดอน กองหลัง ก็ดูจะหมดสภาพแล้ว
“เดลี เมล” ฟันธง-อันดับ 14
นอริช ซิตี
นอริช ชุดนี้นำทัพโดย พอล แลมเบิร์ต อดีตกองกลางทีมชาติสกอตแลนด์ ของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ชุดคว่ำ ยูเวนตุส 3-1 คว้าถ้วย ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก เมื่อปี 1997 น่าสนใจเพราะว่าเล่นเกมรุกได้เร้าใจที่สุดในศึก เดอะแชมเปียนชิป เมื่อปีที่แล้วจนคว้าอันดับ 2 เลื่อนชั้นแบบอัตโนมัติ
ทว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วง ก็คือ เกมรับและยามออกไปเป็นทีมเยือนดูจากรายชื่อนักเตะที่ได้มาเสริมหลังบ้านอย่าง 2 ฟูลแบ็ก ริทชี เดอ ลาเอ็ท ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ไคล์ นัฟตัน ของ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ แบบยืมตัวก็คงไม่ได้ช่วยให้เหนียวแน่นขึ้นมากนัก
ส่วนแนวรุกปีที่แล้วมี แกรนท์ โฮลท์ กองหน้ากัปตันทีมวัย 30 ปี พุ่งขึ้นมาคั่วดาวซัลโวด้วยการซัดไป 21 ประตู โดยซัมเมอร์นี้ แลมเบิร์ต ควักเงินซื้อ 2 หัวหอกที่น่าสนใจอย่าง เจมส์ วอห์น จาก เอฟเวอร์ตัน ค่าตัว 2.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 125 ล้านบาท) และ สตีฟ มอริสัน จาก มิลล์วอลล์ ค่าตัว 2.8 ล้านปอนด์ (ประมาณ 140 ล้านบาท) ส่วนรายอื่นชื่อชั้นไม่ประทับใจมากนัก
“เดลี เมล” ฟันธง-อันดับ 15
สวอนซี
สวอนซี เลื่อนชั้นตาม คิวพีอาร์ และ นอริช หลังคว้าอันดับ 3 ก่อนเอาชนะ เรดดิง เพลย์ออฟนัดชิงชนะเลิศที่สนาม เวมบลีย์ 4-2 จากแฮตทริกฮีโรของ สกอตต์ ซินแคลร์ ทำให้กลายเป็นสโมสรแรกจาก เวลส์ ที่ได้เล่นใน พรีเมียร์ชิป นับตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อปี 1992
ต้องยกความดีความชอบให้กับ ซินแคลร์ อดีตกองหน้า เชลซี เพราะฤดูกาลปกติก็ซัดไปถึง 22 ประตู โดยมีความเร็วจัดจ้านลีลาคล้าย ธีโอ วัลค็อตต์ แนวรุกของ อาร์เซนอล ต้องยอมรับว่าแผงหัวหอกของ สวอนซี ชื่อชั้นไม่ธรรมดา เพราะมีทั้ง เคร็ก บีทตี, ลุค มัวร์ แถมซัมเมอร์นี้ยังได้ เลรอย ลิตา มาจาก มิดเดิลสโบรช์ ค่าตัว 1.75 ล้านปอนด์ (ประมาณ 87.5 ล้านบาท) รวมถึง แดนนี เกรแฮม ค่าตัว 3.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 175 ล้านบาท) รายหลังปีที่แล้วซัดให้ วัตฟอร์ด 24 ประตูเลยทีเดียว ปิดท้ายด้วย เวย์น รูทเล็ดจ์ ปีกร่างเล็กจาก นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด
สำหรับกุนซือของ สวอนซี ก็คือ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส สไตล์การทำทีมของหมอนี่ คือ กล้าได้กล้าเสียเปิดรุกทั้งในบ้านและนอกบ้าน อย่างไรก็ตามน่าเป็นห่วงนักเตะหลายคนทั้งกองหลังและกองกลางไม่มีประสบการณ์ลุยศึก พรีเมียร์ชิป อาจจะเพลี่ยงพล้ำ หากออกสตาร์ทไม่ดีคงต้องลุ้นหนีตกชั้นกันยาว
“เดลี เมล” ฟันธง-อันดับ 18