นับเป็นนิมิตหมายที่ดีสำหรับวงการสวิงไทย หลังจากที่เอเชียน ทัวร์ ได้ประกาศบรรจุการแข่งขันกอล์ฟ "ไทยแลนด์ แชมเปียนชิป" ลงในตารางทัวร์นาเมนต์ส่งท้ายของฤดูกาล 2011 โดยมีการชิงเงินรางวัลรวมสูงถึง 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 30 ล้านบาท) ซึ่งผู้ที่คว้าชัยชนะจะได้รับโควตาพิเศษเข้าร่วมดวลสวิงศึก "ดับเบิลยูจีซี -บริดจ์สโตน อินวิเตชันแนล 2012" ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาทันทีและที่น่าจะเรียกแขกได้มากคือการมาเยือนแฟร์เวย์อมตะสปริงของ รอรีย์ แมคอิลรอย เจ้าของแชมป์เมเจอร์ ยูเอส โอเพ่น 2011 ดาร์เรน คลาร์ก เจ้าของถ้วยคลาเร็ต จัก คนล่าสุด รวมไปถึงอดีตโปรหมายเลขหนึ่งโลกชาวอังกฤษชาวว ลี เวสต์วูด ซึ่งทั้งหมดนี้คือสีสันและความสำคัญของทัวร์นาเมนท์กอล์ฟที่เรียกได้ว่าใหญ่ที่สุดของเอเชียน ทัวร์ในเมืองไทย
โดยการแถลงข่าวเมื่อวันอังคารที่ 2 สิงหาคมที่ผ่านมาถือเป็นการส่งออร์เดิร์ฟ ฝากข่าวมาถึงแฟนกอล์ฟ ที่หวังจะได้เห็นวงสวิงของโปรหนุ่มที่ร้อนแรงที่สุดแห่งยุคอย่างรอรีย์ แมคอิลรอย ในเมืองไทย รวมไปถึงเจ้าของแชมป์ดิ โอเพ่นคนล่าสุดที่ทำให้ชายวัย 40 ทั่วโลกฮึกเหิมขึ้นมาอีกครั้งอย่างดาร์เรน คลาร์ก ซึ่งการแข่งขันภายใต้ชื่อทัวร์นาเมนท์ "ไทยแลนด์ กอล์ฟ แชมเปียนชิป 2011" นับว่าเป็นการทุ่มทุนของฝ่ายจัดที่เชิญยอดโปรจากยูโรเปี้ยนทัวร์มาได้สำเร็จ นอกจากนี้ยังมีกระแสข่าวว่ายังมีนักกอล์ฟหนุ่มชื่อดังของเอเชียได้รับเชิญให้ร่วมวงสวิงเช่นกันแต่ยังอยู่ในระหว่างการตัดสินใจซึ่งว่ากันว่าโปรหนุ่มรายนั้นคือ เรียว อิชิกาวา นั่นเอง
เมื่อวัดจากชื่อชั้นของโปรที่เข้าร่วมการแข่งขันแล้วต้องยอมรับว่านี่คือรายการระดับเอบวกของเอเชี่ยนทัวร์นในเมืองไทยโดยนายสุวัจน์ ลิปตพัภภล ซึ่งเป็นประธานจัดการแข่งขันเผยถึงวัตถุประสงค์การจัดทัวร์นาเมนต์นี้ว่า "เมื่อปีก่อน เรามีการจัดการแข่งขันกอล์ฟ 'เวิลด์ กอล์ฟ ซาลูตส์ คิง ภูมิพล' (World Golf Salutes King Bhumibol) เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติแห่งการบรมราชาภิเษกปีที่ 60 ดังนั้นเพื่อต่อยอดความยิ่งใหญ่ในปีแห่งการเฉลิมฉลองพระชนมพรรษา 7 รอบ 84 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เราจึงคิดว่าจำเป็นต้องริเริ่มจัดทัวร์นาเมนต์ระดับโลกขึ้นอีกครั้ง ในเบื้องต้นเราได้รับเชิญโปรระดับโลกมาร่วมการแข่งขัน อทิ รอรีย์ แม็คอิลรอย, ลี เวสต์วูด รวมถึง ดาร์เรน คลาร์ก เพื่อเป็นการสร้างโอกาสให้ก้านเหล็กไทยได้เรียนรู้ และสัมผัสการต่อสู้กับนักกอล์ฟชั้นนำของวงการ"
นอกจากนี้ ประธานจัดการแข่งขันยังได้กล่าวย้ำถึงความตั้งใจจริงต่อทัวร์นาเมนท์ที่น่าจะเปิดเส้นทางให้กับโปรชาวไทยว่า “ไม่ต้องห่วงว่ารายการนี้จะจัดเพียงแค่ปีเดียว เพราะเราได้มีการเซ็นสัญญากับทางเอเชียน ทัวร์ เป็นเวลา 3 ปี พร้อมกันนี้ยังการันตรีได้ว่า “ไทยแลนด์ กอล์ฟ แชมเปี้ยนชิป” จะเป็นทัวร์นาเมนต์ที่ดีที่สุดของเอเชีย นอกจากนั้นจะมีการถ่ายทอดสดไปยัง 200 ประเทศทั่วโลก ซึ่งจะมีผู้ชมไม่น้อยกว่า 800 ล้านครัวเรือน ส่วนเรื่องการค่าใช้จ่ายนั้นขอบอกเพียงว่ามีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท"
ทางด้าน คีห์ ลา ฮาน ในฐานะของประธานเอเชียนทัวร์ ได้กล่าวถึงความพิเศษของการแข่งขันว่า "นี่จะเป็นสีสันใหม่ของวงการกอล์ฟเอเชีย และทางเราภาคภูมิใจมากที่ได้ร่วมเฉลิมฉลองพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในครั้งนี้ ส่วนเรื่องเงินรางวัลรวม 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เจ้าของแชมป์จะได้รับเงินเป็นจำนวน 158,500 เหรียญ ซึ่งมั่นใจว่ารายการนี้จะมีโปรระดับท้อปของเอเชีย ตอบรับเข้าร่วมแข่งขันเพื่อลุ้นชิงตำแหน่งมือ 1 ของทัวร์ฯ อย่างเข้มข้นแน่นอน และที่ถือว่าเป็นของขวัญชิ้นพิเศษสำหรับแชมป์รายการนี้คือโควตาพิเศษในการเข้าร่วมการแข่งขัน 'ดับเบิลยูจีซี -บริดจ์สโตน อินวิเทชันแนล' ที่ประเทศสหรัฐฯในปี 2012 ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่รายการของซีรีย์เวิลด์กอล์ฟแชมเปี้ยนชิปที่มีการชิงเงินรางวัลรวมกว่า 250 ล้านบาท”
เมื่อเป็นทัวร์นาเมนท์ที่ชิงเงินรางวัลรวมสูงถึงสามสิบล้านบาทสนามที่ได้รับการคัดเลือกให้ป็นสนามแข่งขันตลอดระยะเวลาของสัญญาอย่าง อมตะ สปริง จึงถูกจับตาเป็นอย่างยิ่งโดยผู้บริหารสนามนาย สารัชถ์ รัตนาวะดี เ ปิดเผยถึงความพร้อมของสนามอมตะว่า “ ทุกอย่างจะพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ก่อนถึงการแข่งขัน และจะมีการเพิ่มระยะเป็น 7,600 หลาแต่พาร์รวมยังเป็น 72 เท่าเดิมนอกจากนี้ทางสนามได้เลี้ยงรัฟให้ยาวขึ้น ที่สำคัญเราจะเพิ่มความเร็วของกรีนให้เป็น 12 เพื่อทุกช็อตที่เล่นจำเป็นต้องสมบูรณ์แบบที่สุด"
ทั้งหมดนี้คือภาพรวมของ "ไทยแลนด์ กอล์ฟ แชมเปียนชิป 2011" ทัวร์นาเมนท์ที่มีศักยภาพพร้อมทุกด้านทั้งเงินรางวัลการแข่งขัน นักกอล์ฟที่เข้าร่วมรายการ โอกาสของแชมป์ที่จะได้ต่อยอดไปถึงรายการในระดับเวิลด์กอล์ฟแชมเปี้ยนชิป และคงไม่น่าแปลกใจว่าระหว่างวันที่ 15-18 ธันวาคม สนามอมตะสปริง จะคลาคล่ำไปด้วยแฟนกอล์ฟที่หวังจะเห็นผลงานระดับเทพของบรรดาโปรชั้นนำที่เข้าร่วมรายการ
เรื่อง : วงศ์ธวัช อามทัศนศรี
