ASTVผู้จัดการรายวัน - "ผมรักคุณ ดาร์เรน" เสียงตะโกนร้องของชายผู้หนึ่งซึ่งอยู่ริมกรีนหลุมที่ 18 ขณะที่ดาร์เรน คลาร์ก กำลังจะทำแชมเปี้ยนชิปพัตต์ เรียกรอยยิ้มได้จากโปรวัย 42 ก่อนที่จะแทบอินโบกี้ ลงหลุมไปพร้อมกับเสียงปรบมือดังกึกก้องสนามรอยัล เซนต์ จอร์จ ซึ่งได้กลายเป็นแฟร์เวย์แห่งความทรงจำของโปรชาวไอร์แลนด์เหนือ ที่สามารถปลดล็อคเมเจอร์แรกในชีวิตจากรายการเก่าแก่ที่สุดซึ่งเจ้าตัวได้สิทธิเข้าร่วมมานานกว่า 20 ปี เป็นชัยชนะที่ คลาร์ก ให้สัมภาษณ์หลังการแข่งขันว่า “นี่คือแชมป์ของคนธรรมดาสามัญที่มีความมุ่งมั่นและทำความฝันให้เป็นจริงได้ในที่สุด”
แม้ว่า ดาร์เรน คลาร์ก จะมิใช่โปรบิ๊กเนม เหมือนกับ “ไทเกอร์ วูดส์” “ฟิล มิคเคลสัน” หรือ “ลุค โดนัลด์” หากแต่เขาคือนักกอล์ฟเจ้าสเน่ห์แห่งยูโรเปี้ยนทัวร์ ฉายา “ปรินซ์ ออฟ ดาร์กเนสส์” (เนื่องจากเป็นนักกอล์ฟที่พิศมัยในการดื่มเป็นอย่างยิ่ง) น่าจะเป็นเครื่องการันตีว่าโปรหนุ่มใหญ่รายนี้มีแฟนประจำอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย ขณะที่ผลงานของ คลาร์ก เรียกได้ว่าอยู่ในระดับแถวหน้าของยุโรปด้วยแชมป์ยูโรเปี้ยนทัวร์ 14 สมัย และ พีจีเอทัวร์ 3 สมัย ยังไม่รวมในระดับซันไชนทัวร์ และ เจแปนทัวร์ ที่นักกอล์ฟแถวหน้าของไอร์แลนด์เหนือรายนี้เคยครอบครองมาแล้วเช่นกัน
แต่ถึงแม้จะได้ชื่อว่าเป็นนักกอล์ฟมากฝีมือของยุโรป และ ติดทีมไรเดอร์ คัพมาแล้วหลายสมัยหาก ดาร์เรน คลาร์ก เปรียบเสมือน เจ้าชายที่ยังไร้มงกุฎแห่งเกียรติยศ เพราะตลอดระยะเวลา 20 ปีนับตั้งแต่เทิร์นโปรเขายังไม่เคยได้สัมผัสแชมป์เมเจอร์เลยแม้แต่ครั้งเดียว ที่ใกล้เคียงที่สุดคืออันดับที่ 8 ร่วมในเดอะมาสเตอร์สปี 1998 แต่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ครอบครองแชมป์เมเจอร์เลยแม้แต่ครั้งเดียวหาก คลาร์ก ยังคงเล่นกอล์ฟด้วยความสนุกและสร้างผลงานอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะต้องเผชิญหน้ากับมรสุมชีวิตครั้งใหญ่
ข่าวร้ายของครอบครัว คลาร์ก ในปี 2005 -2006 เมื่อ ฮีเธอร์ คลาร์ก ล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งเต้านม เธอจากสามี และ ลูกอีกสองคนไปด้วยวัยเพียง 39 ปีนับเป็นช่วงชีวิตที่โปรชาวไอร์แลนด์เหนือ เคยให้สัมภาษณ์ว่าเป็นเวลาที่ยากที่สุดในการก้าวข้าม หากแต่ด้วยแรงกระตุ้นของภรรยาก่อนที่เธอจะเสียชีวิตว่าอยากจะเห็นผู้เป็นสามีประสบความสำเร็จบนสนามแข่งขันไรเดอร์ คัพ ทำให้ คลาร์ก มุ่งมั่นที่จะกลับลงสู่ทัวร์นาเมนท์อีกครั้งเพื่อให้ได้สิทธิติดทีมไรเดอร์ คัพ ยุโรป ซึ่งในที่สุดเอียน วูดส์แนม กัปตันทีมยุโรปในปี 2006 ตัดสินใจใช้สิทธิของตนเองในการเลือกโปรชาวไอร์แลนด์เหนือที่กำลังจมอยู่ในความโศกเศร้า เข้ามาร่วมทีม และ คลาร์ก ไม่ทำให้วูดส์แน่ม ผิดหวัง เมื่อเขาคือกุญแจสำคัญที่ทำให้ทีมไรเกอร์ คัพยุโรป คว้าแชมป์ในปีดังกล่าว
ความสำเร็จร่วมกับทีมไรเดอร์ คัพ ยุโรป เหมือนเป็นการจุดไฟชีวิตที่กำลังจะมอดดับของคลาร์กขึ้นมาอีกครั้ง นักกอล์ฟที่ต้องกลายเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวกลับลงสู่สนามแข่งขันพร้อมกับความมุ่งมั่นที่จะคว้าแชมป์ระดับเมเจอร์มาครอง โดยในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา คลาร์กคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยนทัวร์รายการแรกนับตั้งแต่ปี 2008 มาครองได้สำเร็จจากรายการ ไอเบอร์โดรลา โอเพ่น
เมื่อถึงการแข่งขันดิ โอเพ่น ขณะที่สปอตไลท์ของ สื่อฉายจับไปที่โปรรุ่นน้องชาวไอร์แลนด์เหนือ รอรีย์ แมคอิลรอย ที่เพิ่งคว้าเมเจอร์ ยูเอส โอเพ่น มาครอง ดาร์เรน คลาร์ก เดินลงสู่สนามรอยัล เซนต์ จอร์จ ตามแบบฉบับของตนเองและค่อยๆรักษาสกอร์ให้ติดกลุ่มบนลีดเดอร์ บอร์ด จนในที่สุดโปรวัย 42 ปีกลายเป็นผู้พิชิติ รอยัล เซนต์ จอร์จ ท่ามกลางเสียงปรบมืออันกึกก้องที่เหมือนจะบอก คลาร์ก ว่า “ชัยชนะของคุณ คือชัยชนะของพวกเราทุกคน”
ภายหลังการแข่งขัน คลาร์ก กล่าวถึงชัยชนะที่รอคอยมาถึง 20 ปีว่า "ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาผมเหมือนกับต้องเดินผ่านช่วงที่ยากลำบากในชีวิตมาโดยตลอด ขณะที่ผลงานในสนามนั้นต้องยอมรับว่ามีแย่มากกว่าดี การก้าวข้ามแต่ละขั้นตอนเพื่อทำใจยอมรับกับสภาพปัจจุบัน รวมไปถึงการรักษาจิตใจให้กลับมามีไฟในการแข่งขันนั้นเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา ผมเองโชคดีที่มีครอบครัวและเพื่อนที่ดีคอยให้กำลังใจ ทำให้ก้าวผ่านทุกอุปสรรคมาได้ และการคว้าแชมป์ ดิ โอเพ่น ในวันนี้เปรียบเสมือนบทสรุปของการอดทน และ รอคอยด้วยใจที่มุ่งมั่น"
ภาพแห่งชัยชนะของโปรในวัย 42 ปีบนสนามเมเจอร์ที่เก่าแก่ที่สุดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาคือภาพอันเป็นแรงบันดาลใจจากเกมกอล์ฟ เกมที่การแข่งขันมิใด้วัดกันแค่ว่า ใครตีได้ไกลที่สุด ใครเล่นลูกสั้นได้ดีที่สุด ใครพัตต์ได้ดีที่สุด หากแต่เกมกอล์ฟที่แท้จริงคือการแข่งขันกับตนเอง และความสำเร็จของดาร์เรน คลาร์ก ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า ผู้ชายสามัญคนหนึ่งที่มีความมุ่งมั่นเมื่อสามารถชนะใจตนเองได้แล้ว ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ก็จะรออยู่เบื้องหน้านั่นเอง
