ASTV ผู้จัดการรายวัน – ภายหลังทราบผลการจับสลากแบ่งสายฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสาม ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มละ 5 ทีม โดยที่ขุนพลลูกหนังทีมชาติไทยถูกจัดให้ไปอยู่ในกลุ่มดีร่วมกับของแข็งอย่าง ออสเตรเลีย, ซาอุดิอาระเบีย รวมถึง โอมาน ทำให้สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องเตรียมการอย่างเต็มกำลังความสามารถ หากหวังฝ่าด่านเข้ารอบ 10 ทีมสุดท้าย เพื่อกรุยทางสู่ “ปฏิบัติการล่าฝัน” คว้าตั๋วไปเล่นรอบสุดท้ายที่ประเทศบราซิล
ถ้าลองสำรวจเพื่อนร่วมสาย ออสเตรเลีย คือกระดูกชิ้นโตที่สุด โดยนอกจากจะเคยผ่านสมรภูมิเวิลด์ คัพ รอบสุดท้ายมา 3 สมัย และปัจจุบันรั้งอันดับ 23 ของโลกบนฟีฟ่า แรงกิง แล้ว ผลงานล่าสุดเพิ่งได้รองแชมป์เอเชียน คัพ 2011 ที่กาตาร์ ซึ่งพ่ายให้กับ ญี่ปุ่น 0-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ อีกทั้งยังบุกไปชนะ เยอรมนี ถึงถิ่น 2-1 ในเกมอุ่นเครื่องเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาด้วย ส่วนแกนหลักยังคงเป็นตัวเก๋าที่ค้าแข้งในยุโรปอย่าง มาร์ค ชวาร์เซอร์, ทิม เคฮิลล์, เบร็ตต์ เอเมอร์ตัน และ แฮร์รี คีเวลล์ ขณะที่ โจชัว เคนเนดี กองหน้าที่เล่นให้ นาโกยา แกรมปัส-เอต ในเจ-ลีก ก็เป็นตัวอันตรายในการเล่นลูกกลางอากาศ
งานหนักรองลงมาของ “ช้างศึก” น่าจะเป็น ซาอุดิอาระเบีย ทีมอันดับ 92 ของโลกซึ่งมีอดีตอันน่าเกรงขามด้วยการลุยฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายมา 4 สมัย แม้ในระยะหลังจะตกต่ำลงไปมาก โดยตกรอบแรก ศึกเอเชียน คัพ 2011 ชนิดที่แพ้รวด 3 นัด ส่วนนักเตะทั้งหมดไม่มีใครที่เล่นในต่างแดนเลย แต่ก็ยังประมาทไม่ได้ ซึ่งขุมกำลังหลักประกอบด้วย ยาสเซอร์ อัล-กาตาห์นี ศูนย์หน้ากัปตันทีม, นาสเซอร์ อัล-ชามรานี และ โมฮัมหมัด อัล-ชาลูบ
ส่วนทีมที่น่าจะสู้ได้พอฟัดพอเหวี่ยงมากที่สุดหนีไม่พ้น โอมาน ซึ่งรั้งอันดับ 107 ของโลก เหนือกว่า ไทย 12 อันดับ นอกจากนี้ โอมาน ยังไม่เคยมีประวัติได้ไปเล่นเวิลด์ คัพ รอบสุดท้าย ส่วน เอเชียน คัพ 2011 ที่ผ่านมาก็ไม่ผ่านรอบคัดเลือกเข้าไปโม่แข้งที่กาตาร์ ส่วนดาวเด่นประจำทีม คือ อาลี อัล-ฮับซี นายทวารจอมหนึบที่เฝ้าเสาบนเวทีพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ให้กับ วีแกน แอธเลติก และ ฟาวซี บาเชียร์ จอมทัพที่ไปค้าแข้งในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
สำหรับบรรดาคู่แข่งที่ทีมชาติไทยจะต้องเผชิญหน้าในการเล่นแบบเหย้า-เยือน 6 นัด ระหว่างวันที่ 2 กันยายน ถึงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ปีหน้า สุรชัย จตุรภัทรพงศ์ ผู้ช่วยโค้ช วินฟรีด เชเฟอร์ กุนซือชาวเยอรมัน วิเคราะห์ว่า
“ออสเตรเลีย เป็นทีมที่แข็งแกร่งที่สุด ดังนั้น เราจะต้องเน้นเรื่องพละกำลังและความสมบูรณ์ของตัวผู้เล่นเป็นอันดับแรก รองลงมาก็เป็นเรื่องความเข้าใจแท็กติก ส่วน ซาอุดิอาระเบีย ถ้าเรามีข้อมูลมากพอบวกกับตัวผู้เล่นสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์เชื่อว่ามีโอกาสเอาชนะได้ ขณะที่ โอมาน ถือว่าเราสู้ได้สูสีมากที่สุด หากหวังเข้ารอบก็ต้องเก็บแต้มจาก โอมาน ให้ได้ทั้ง 2 นัด และเกมในบ้านทุกนัดต้องมีคะแนน”
ขณะเดียวกัน “โค้ชง้วน” ยังพูดถึงทัพ “ช้างศึก” หลังจากผ่าน ปาเลสไตน์ มาได้ในรอบที่แล้วว่า “วินนี (เชเฟอร์) ค่อนข้างพอใจกับนักเตะชุดนี้ที่ร่วมงานกันมา แต่ในรอบหน้า ไทย จะต้องเจอกับคู่แข่งที่แข็งแกร่งมากกว่าเดิม ดังนั้น เราจำเป็นต้องมีผู้เล่นที่สามารถวางแผนและแท็กติกได้หลากหลายรูปแบบ ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องเรียกคนที่มีผลงานดีมาเสริมในทุกตำแหน่งโดยช่วงนี้จะไปตระเวนดูฟอร์มนักเตะอีกครั้ง ส่วนข้อมูลของคู่แข่ง วินนี เองก็มีอยู่ไม่น้อย เนื่องจากเคยทำงานในแถบตะวันออกกลางมาก่อน จากนี้ไปเราจะวางแผนการเตรียมทีมให้ดีที่สุด”
ทั้งนี้ “บังยี” วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้มีการนัดประชุมสตาฟฟ์โค้ชทีมชาติไทย, คณะกรรมการบริหารทีมชาติไทย และ ฝ่ายจัดการแข่งขันฟุตบอลภายในประเทศทุกรายการ ที่สมาคมฟุตบอลฯ ในเวลา 14.00 น. ของวันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคมนี้ เพื่อปรึกษาหารือเรื่องการจัดโปรแกรมการแข่งขันให้สอดคล้องกับการเตรียมทีมชาติไทยสู้ศึกฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสาม
โดยเบื้องต้นได้กำหนดเรียกนักเตะมาเก็บตัวในวันที่ 25 สิงหาคม โดยจะลงเตะอุ่นเครื่อง 1 นัดในวันที่ 27 หรือ 28 สิงหาคม ก่อนออกเดินทางไปเยือน ออสเตรเลีย ในเกมแรก วันที่ 2 กันยายน จากนั้นจึงกลับมาเปิดสนามราชมังคลากีฬาสถานต้อนรับ โอมาน ในวันที่ 6 กันยายน แต่ทัพลูกหนังจากแดนสยามจะล่าฝันสู่เวทีเวิลด์ คัพ ได้ไกลแค่ไหนต้องติดตามตอนต่อไป