ASTV ผู้จัดการรายวัน – ใกล้ถึงแมตช์สำคัญของทีมชาติไทยอย่างฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง ซึ่งจะวัดเพลงแข้งกับ ปาเลสไตน์ นัดแรกที่สนามนิว ไอ-โมบาย สเตเดียม จังหวัดบุรีรัมย์ ในวันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคมนี้แล้ว ทว่าการเตรียมความพร้อมของทีมกลับมีอุปสรรคเข้ามาแทรกแซงระลอกแล้วระลอกเล่า ไม่ว่าจะเป็นนักเตะขอถอนตัวกลางคันหรือถูกอาการบาดเจ็บรบกวน
ทำให้ วินฟรีด เชเฟอร์ ต้องงัดกึ๋นออกมาแก้ปัญหาเฉพาะหน้าจากทรัพยากรที่เหลืออยู่เพียง 19 จาก 23 คนในรายชื่อที่สามารถส่งลงสนามได้ในนัดแรกนี้ ภายหลังการติดโทษแบนของ ธีราทร บุญมาทัน, การถอนตัวของ อนุชา กิจพงษ์ศรี และ ศรายุทธ ชัยคำดี ตลอดจนการเดี้ยงของ รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค ซึ่งน่าติดตามว่ากุนซือชาวเยอรมันจะเล่นแร่แปรธาตุหาสูตรที่ลงตัวอย่างไร
ล่าสุด “วินนี” เผยว่าผู้เล่น 11 คนแรกที่จะลงสนามในใจของเขามีเพียง 8 ตำแหน่งเท่านั้นที่สามารถเลือกได้แล้ว ส่วนอีก 3 ตำแหน่งที่เหลือยังต้องพิจารณา โดยเฉพาะ “แบ็กซ้าย” ซึ่งกลายเป็นโจทย์ข้อใหญ่ที่สุด เนื่องจากตอนนี้ไม่มีแบ็กซ้ายอาชีพ (ธีราทร, อนุชา) ให้ใช้งานเลย หนำซ้ำอะไหล่อย่าง รังสรรค์ ที่ถอยจากมิดฟิลด์ลงมาเล่นได้ก็มีอาการเอ็นฉีกไปเสียก่อน ส่วนคนที่เรียกมาเสริมอย่าง ทนงศักดิ์ ประจักกะตา, ศุภชัย คมศิลป์ และ วีระวุฒิ กาเหย็ม ก็เป็นได้เพียงตัวเลือกสำหรับนัดสองที่จะออกไปเยือนในวันที่ 28 กรกฎาคมนี้เท่านั้น
หากประเมินจากการฝึกซ้อมในระยะหลังที่ทดลองเอา 2 กองกลางจากค่ายบุรีรัมย์ พีอีเอ อย่าง จักรพันธ์ แก้วพรม และ สุรัตน์ สุขะ ลงไปเล่น คาดว่ารายหลังน่าจะมีภาษีดีกว่า เนื่องจาก “ปาน” มีประสบการณ์มากกว่า หลังจากเคยเล่นแบ็กซ้ายสมัยอยู่กับ ชลบุรี ก่อนพลิกบทบาทมาเป็นมิดฟิลด์ตัวรับ รวมถึงรับหน้าที่นี้ให้กับ เมลเบิร์น วิคตอรี ทีมในศึกเอ-ลีก ออสเตรเลีย เป็นประจำร่วม 2 ฤดูกาล อีกทั้งยังทำได้ดีในช่วงซ้อมจน เชเฟอร์ เอ่ยปากชมด้วย ขณะที่ “โน้ต” น่าจะถูกจับไปยืนแบ็กขวาซึ่งเจ้าตัวทำหน้าที่ได้อย่างเนียนตาในระดับสโมสร
อีกจุดที่เจ้าของฉายา “กุนซือบลูยีนส์” ยังคิดไม่ตกคือ “ตัวริมเส้น” ทั้ง 2 ฝั่งอันเป็นผลต่อเนื่องมาจากการบาดเจ็บของ รังสรรค์ ซึ่งเล่นปีกซ้ายบ่อยครั้งในนามทีมชาติ และเมื่อพิจารณาจากผู้เล่นที่เหลือแล้ว จักรพันธ์ พรใส ที่มีความเร็ว ความคล่องตัวสูง และเล่นได้ทั้งสองเท้าน่าจะเป็นคำตอบสุดท้ายสำหรับตัวแทน “อ้น” ส่วนริมเส้นฝั่งขวาเป็นการช่วงชิงกันระหว่างขาประจำอย่าง สุเชาว์ นุชนุ่ม กับ ชาคริต บัวทอง คลื่นลูกใหม่ซึ่งโชว์ฟอร์มเฉียบกับ อินทรีเพื่อนตำรวจ แต่ด้วยประสบการณ์ในระดับชาติที่โชกโชนกว่าทำให้ “กบ ไซเบอร์” น่าจะเบียดเข้าป้าย
เมื่อดูจากปัจจัยต่างๆ ในขณะนี้เชื่อว่า เชเฟอร์ จะวางหมากสู้กับ ปาเลสไตน์ นัดแรกด้วยระบบ 4-4-2 โดยคู่หัวหอกจะเป็น ธีรศิลป์ แดงดา ซึ่งมีประโยชน์ในฐานะกองหน้าตัวต่ำคอยทำทางให้ กีรติ เขียวสมบัติ หัวหอกตัวเป้าที่จะปะทะชนกับกองหลังรูปร่างสูงใหญ่ของผู้มาเยือนได้อย่างไม่เป็นรอง
ส่วนความพร้อมก่อนลงสนาม “วินนี” บอกว่า “ผมศึกษาเทปเกมที่ ปาเลสไตน์ เล่นกับ พม่า ในรายการชาลเลนจ์ คัพ และ อัฟกานิสถาน ในรอบคัดเลือก รอบแรกแล้ว ซึ่งคู่แข่งมีนักเตะรูปร่างสูงใหญ่และได้ตัว โอมาร์ จารัน ปราการหลังร่างยักษ์ที่เล่นในเมเจอร์ลีก สหรัฐอเมริกามาเสริมด้วย ดังนั้นจึงกำชับให้ผู้เล่นไทยต้องเล่นระมัดระวังเรื่องลูกกลางอากาศของคู่แข่งได้ดี โดยเราต้องลงไปเล่นด้วยหัวจิตหัวใจที่มุ่งมั่นเต็มร้อย และขอเชิญชวนแฟนบอลชาวไทยมาให้กำลังใจถึงขอบสนามกันมากๆ เหมือนในระดับสโมสร”
ด้าน มุสซา บาซัส หัวหน้าผู้ฝึกสอนปาเลสไตน์กล่าวเช่นกันว่า “ทีมเก็บตัวซ้อมอยู่ที่จอร์แดน 1 สัปดาห์ก่อนมาไทย และมีนักเตะ 3 คนมาจากทีมชุดโอลิมปิกที่เคยเอาชนะไทยมาแล้ว เกมนี้มั่นใจว่าปาเลสไตน์สู้ได้แน่นอน แม้ชื่อชั้นอาจจะเป็นรองแต่ในเกมฟุตบอลอะไรก็เกิดขึ้นได้ ส่วนผลจะออกมาอย่างไรต้องดูหลังจบเกม”
สำหรับผู้เล่น 11 คนแรกที่คาดว่าจะลงสนามของทีมชาติไทย มีดังนี้ ผู้รักษาประตู กวิน ธรรมสัจจานันท์ แบ็กขวา จักรพันธ์ แก้วพรม คู่เซนเตอร์ฮาล์ฟ ชลทิตย์ จันทคาม, ณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์ (กัปตันทีม) แบ็กซ้าย สุรัตน์ สุขะ ปีกขวา สุเชาว์ นุชนุ่ม กองกลาง ดัสกร ทองเหลา, อดุล หละโสะ ปีกซ้าย จักรพันธ์ พรใส คู่กองหน้า ธีรศิลป์ แดงดา, กีรติ เขียวสมบัติ